×
@KUBET
เมื่ออยากเล่นคาสิโน ให้นึกถึง KUBET เว็บพนันออนไลน์ ที่มีเกมส์คาสิโนจากทุกค่าย รวมเอามาไว้ให้เล่นในเว็บเดียว SA GAMING , SEXY GAMING , PG , PRETTY GAMING และ GAMEPLAY อยากเล่นคาสิโนออนไลน์ เซ็กซี่บาคาร่า สล็อต ไฮโล เสือมังกร เกมส์ยิงปลา หรือเกมส์พนันอื่นๆ เรามีทีมงานคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

รู้จักกับเสือมังกร เกมไพ่ที่เล่นง่ายกว่าบาคาร่า

                เสือมังกร ชื่อนี้สำหรับใครที่เป็นมือใหม่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก บางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่านี่คือไพ่บาคาร่า หรืออาจคิดว่านี่เป็นบาคาร่าอีกรูปแบบหนึ่ง แท้จริงแล้วนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่าเท่านั้น แต่ว่ามันมีความง่ายกว่ามาก กติกาก็ไม่ซับซ้อน ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบเล่นบาคาร่า ว่าแต่เสือมังกรคืออะไร เล่นยังไง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่าครับ

เสือมังกรคืออะไร

เสือมังกร หรือ Tiger & Dragon เป็นเกมไพ่อีกรูปแบบหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่า ทว่าความพิเศษของเกมนี้คือจบเกมไวด้วยไพ่ใบเดียว เนื่องจากจุดกำเนิดของไพ่ชนิดนี้เริ่มต้นที่ค่ายทหารในช่วงยุคสงครามเวียดนาม แน่นอนว่าท่ามกลางสงครามแบบนั้นการจะหาไพ่หลายสำรับ หรือเกมที่มีกติกาซับซ้อนมาเล่นก็คงจะไม่ทันกิน ดังนั้นการเล่นเสือมังกรจึงค่อนข้างที่จะตอบโจทย์

สิ่งที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเสือมังกรกับบาคาร่าคือเกมเดียวกันก็คือ ฝั่งเดิมพันที่มีให้เล่นกัน 2 ฝั่ง 3 รูปแบบ ได้แก่ การแทงฝั่งเสือ, แทงฝั่งมังกร และแทงเสมอ แต่ความแตกต่างของเกมนี้คือจะแจกไพ่แค่ฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น ฝั่งไหนได้แต้มมากกว่าก็ชนะทันที หากเท่ากันก็ถือว่าเสมอ ไม่มีการจั่วไพ่เพิ่มแต่อย่างใด นั่นทำให้เสือมังกรสามารถจบเกมแต่ละตาได้ในเวลาประมาณ 25 วินาทีเท่านั้น

เสือมังกรนับแต้มอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเล่นเสือมังกรเลยก็คือวิธีการนับแต้มที่มีความแตกต่างจากบาคาร่า โดยไพ่ทุกใบของจะมีแต้มที่แตกต่างกันไป ส่วนดอกไพ่ไม่ส่งผลต่อการแพ้ชนะ สำหรับแต้มไพ่แต่ละใบจะมีค่าดังนี้

  • ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
  • ไพ่ 2 – 10 มีค่าเท่ากับหมายเลขที่แสดงบนหน้าไพ่
  • ไพ่ J มีค่าเท่ากับ 11 แต้ม
  • ไพ่ Q มีค่าเท่ากับ 12 แต้ม
  • ไพ่ K มีค่าเท่ากับ 13 แต้ม

กติกาและการวางเดิมพัน

สำหรับกติกาการเล่นและรูปแบบการวางเดิมพันของเสือมังกรจะมีอยู่ทั้งหมด 7 รูปแบบ คือ

  1. มังกร

เป็นการวางเดิมพันเพื่อทายว่าฝั่งมังกรจะเป็นฝ่ายได้แต้มมากกว่า สมมติว่า เราแทงมังกรแล้วได้ 10 แต้ม เสือออก 8 แต้ม ก็ถือว่าเราชนะเดิมพันทันที

  1. เสือ

รูปแบบการวางเดิมพันจะเหมือนกับการแทงมังกร เพียงแค่เปลี่ยนมาเป็นแทงเสือเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่เราแทงเสือแล้วเสือได้แต้มมากกว่า ก็จะถือว่าชนะเดิมพันในตานั้น

  1. เสมอ

เป็นการทายว่าทั้งฝั่งมังกรและฝั่งเสือจะได้แต้มออกมาเท่ากัน หากเราแทงฝั่งเสมอแล้วผลออกมาคือเสือกับมังกรได้แต้มเดียวกัน ก็จะชนะเดิมพัน คว้าเงินรางวัลไปทันที

  1. มังกรคี่

การวางเดิมพันรูปแบบนี้เราจะชนะก็ต่อเมื่อฝั่งมังกรได้ไพ่ที่มีแต้มคี่เท่านั้น โดยไม่สนใจว่าตานั้นจะแพ้หรือชนะ สมมติว่าแทงมังกรคี่ ฝั่งมังกรได้ 3 แต้ม ฝั่งเสือ 6 แต้ม แม้ว่าฝั่งมังกรจะแพ้แต่ก็ถือว่าเราชนะเดิมพันเพราะฝั่งมังกรออกแต้มคี่นั่นเอง

  1. มังกรคี่

รูปแบบการวางเดิมพันในตำแหน่งนี้จะมีเงื่อนไขคล้ายกับมังกรคี่ แตกต่างกันตรงที่เราจะชนะเดิมพันได้ก็ต่อเมื่อฝั่งมังกรออกแต้มคู่เท่านั้น ไม่จำเป็นว่าต้องออกเลขใดเลขหนึ่ง เช่น แทงมังกรคู่ หากฝั่งมังกรได้แต้ม 2, 4, 6, 8, 10 หรือ Q ก็ถือว่าชนะทันที

  1. เสือคี่

เป็นการทายว่าตานั้นฝั่งเสือจะได้ไพ่ที่มีแต้มคี่ เช่น 1, 3, 5, 9, J หรือ K โดยฝั่งเสือเองไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายชนะในตานั้นก็ได้ ขอแค่ออกแต้มคี่ตามที่เราแทงไว้ก็ถือว่าชนะเดิมพันเช่นกัน

  1. เสือคู่

เป็นการแทงว่าตาดังกล่าวฝั่งเสือจะออกแต้มคู่คล้ายกับการแทงมังกรคู่ ในกรณีนี้หากฝั่งเสือออกแต้มคู่จริง เราก็จะเป็นฝ่ายชนะเดิมพัน

กติกาพิเศษ

เนื่องจากเสือมังกรใช้แต้มไพ่ทั้งหมด 13 แต้ม ทำให้การแบ่งฝั่งคู่และคี่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ จึงมีกติกาขึ้นมาคือเมื่อใดก็ตามที่ไพ่ออก 7 ผู้เล่นจะถูกปรับแพ้เดิมพันทันที

อัตราจ่ายเสือมังกร

ได้รู้จักกับรูปแบบการวางเดิมพันกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูอัตราจ่ายในแต่ละตำแหน่งกันบ้างว่าเขาจ่ายกันอย่างไร จะได้เอาไปประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเดิมพันกันดู

  1. มังกร

อัตราจ่ายในกรณีที่ชนะเดิมพันจะอยู่ที่ 1 : 1 แทง 100 บาท ได้กำไรอีก 100 บาท แต่ถ้าผลออกมาเป็นเสมอจะเสียครึ่งหนึ่ง แทง 100 บาท เสีย 50 บาท

  1. เสือ

อัตราจ่ายในตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 1 : 1 เช่นกัน คือแทง 100 บาท ถ้าชนะจะได้เงินกลับมา 200 บาท รวมทุน หากผลออกมาเป็นเสมอจะได้รับเงินเดิมพันคืนกลับมาครึ่งหนึ่งเช่นกัน

  1. เสมอ

อัตราจ่ายในฝั่งเสมอนั่นจะมากถึง 1 : 8 แทงแค่ 100 บาท ถ้าชนะจะได้กำไรกลับมา 800 บาท รวมเป็น 900 บาท แต่ถ้าผลออกมาเป็นฝั่งเสือหรือมังกรชนะ ก็จะเสียเดิมพันเต็มจำนวน

  1. มังกรคี่

อัตราจ่ายฝั่งนี้จะอยู่ที่ 1 : 0.75 เท่านั้น เนื่องจากมีโอกาสออกรางวัลสูง หากแทงที่ 100 แล้วทายถูกก็จะได้กำไร 75 บาท นั่นเอง

  1. มังกรคี่

อัตราจ่ายตำแหน่งนี้คือ 1 : 1.05 หากแทงด้วยเงิน 100 บาท จะได้รับกำไร 105 บาท

  1. เสือคี่

สำหรับตำแหน่งนี้อัตราจ่ายจะเท่ากับมังกรคี่ คือ 1 : 0.75 แทงไป 100 บาท ถ้าชนะก็จะได้เงินกลับมา 175 บาท รวมทุน

  1. เสือคู่

อัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 : 1.05 เท่ากับมังกรคู่ ดังนั้นหากแทงด้วยเงิน 100 บาท ก็จะได้เงิน 205 บาท รวมทุนเช่นกัน

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการเล่นเสือมังกรที่เราเอามาแบ่งปันกันในบทความนี้ จะเห็นได้ว่ากติกาไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย ตำแหน่งวางเดิมพันก็น้อยกว่า อีกอย่างไม่ต้องมาเสียเวลาลุ้นจั่วไพ่ใบที่สามเหมือนบาคาร่าอีกด้วย และที่น่าสนใจก็คือเกมนี้เราสามารถนำทริครวมถึงสูตรเดินเงินต่าง ๆ ของบาคาร่ามาใช้ได้อีกด้วย เพียงเท่านี้เราก็สามารถสนุกและทำกำไรได้ง่าย ๆ ไปกันยาว ๆ