ทำไมต้องเลือกห้องบาคาร่า

การเลือกห้องบาคาร่าเป็นทักษะสำคัญที่ผู้เล่นส่วนใหญ่มักมองข้าม จากข้อมูลที่น่าตกใจพบว่า ผู้เล่นกว่า 90% ไม่ทราบหลักการเลือกห้องบาคาร่า นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นบาคาร่าออนไลน์

การเลือกโต๊ะเล่นที่ดีไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ยังสามารถยกระดับการเล่นของคุณได้อย่างชัดเจน เปลี่ยนจากการเป็นเพียง “ผู้เล่น” ให้กลายเป็น “ผู้นำ” ในเกม หลักการเลือกห้องบาคาร่านั้นไม่ซับซ้อน แต่สามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองและความคิดของคุณไปตลอดกาล

การเลือกห้องหรือโต๊ะที่เหมาะสมเป็นตัวชี้วัดแรกที่คุณสามารถควบคุมได้ในการเล่นบาคาร่า นั่นหมายความว่า การตัดสินใจเลือกห้องที่ดีอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทำกำไรหรือการขาดทุนในการเล่นแต่ละครั้ง

ประโยชน์ของการเลือกห้องบาคาร่าที่ดี

การเลือกห้องบาคาร่าที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งประโยชน์หลายประการ ซึ่งสามารถส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ในการเล่นของคุณ ต่อไปนี้คือประโยชน์หลัก 3 ประการที่คุณจะได้รับ

1. อ่านเค้าไพ่ได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณเลือกห้องที่เหมาะสม คุณจะสามารถจดจำและอ่านเค้าไพ่ได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณรู้ว่าเมื่อเจอกับไพ่แบบใด คุณควรเล่นเกมไปในทิศทางไหน และสามารถตัดสินใจได้ว่าควรหรือไม่ควรที่จะเล่นในแต่ละตา
2. เพิ่มโอกาสชนะสูง การเลือกห้องที่เข้าทางในการเล่นของคุณ หมายถึงโอกาสในการสร้างกำไรที่มากขึ้น เพราะคุณมีโอกาสที่จะชนะในแต่ละเดิมพันสูงขึ้น ซึ่งดีกว่าการเล่นแบบไม่มีแนวทางและปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม
3. ควบคุมจังหวะการเล่นได้ดีขึ้น เมื่อคุณเข้าใจหลักการตรวจสอบห้อง คุณจะสามารถควบคุมจังหวะการเล่นได้ดีขึ้น รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเพิ่มเงินเดิมพัน หรือเมื่อไหร่ควรหยุดเล่นทันที ทำให้การบริหารเงินทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น

พื้นฐานการเลือกห้องบาคาร่า

การเลือกห้องบาคาร่าที่เหมาะสมนั้นไม่ได้ต้องการความซับซ้อนหรือการใช้โปรแกรมช่วยแต่อย่างใด แต่อาศัยความเข้าใจพื้นฐานและการสังเกตที่ดี ต่อไปนี้คือพื้นฐานสำคัญในการเลือกห้องบาคาร่า

1. ดูจากกราฟบาคาร่า กราฟบาคาร่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ห้องเล่น โดยเฉพาะกราฟหลักอย่าง Big Road ที่แสดงผลการแพ้ชนะของแต่ละฝั่ง การเข้าใจและอ่านกราฟเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นรูปแบบการออกไพ่ได้ชัดเจนขึ้น
2. พิจารณาลักษณะของห้องที่เพิ่งเปิดใหม่ ห้องที่เพิ่งเปิดใหม่มักจะง่ายต่อการวิเคราะห์และมองเห็นรูปแบบการออกไพ่ได้ชัดเจนกว่า ดังนั้น การเลือกห้องที่เพิ่งเปิดไม่นานจึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับผู้เล่นที่ต้องการเห็นแนวโน้มของเกมได้ง่ายขึ้น
3. ใช้ประสบการณ์และความเข้าใจในเกม การเลือกห้องบาคาร่าที่ดีนั้นไม่ได้มาจากสูตรสำเร็จ แต่มาจากประสบการณ์และความเข้าใจในเกม ยิ่งคุณเล่นมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งพัฒนาความสามารถในการอ่านเกมและเลือกห้องที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

การเลือกห้องบาคาร่าที่เหมาะสมเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ด้วยความเข้าใจถึงความสำคัญ ประโยชน์ และพื้นฐานในการเลือกห้องที่ดี คุณจะสามารถยกระดับการเล่นของคุณและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น

ประเภทของห้องบาคาร่าและวิธีการเล่น

ในการเล่นบาคาร่าออนไลน์ การเข้าใจถึงประเภทต่าง ๆ ของห้องบาคาร่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและต้องการกลยุทธ์การเล่นที่แตกต่างกัน เราจะมาทำความรู้จักกับห้องบาคาร่า 3 ประเภทหลัก และวิธีการเล่นที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเภท

1.    โต๊ะที่มีแนวตัด (Cut Line Table)

ลักษณะ

โต๊ะที่มีแนวตัด หรือ Cut Line Table เป็นห้องบาคาร่าที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือมีการสลับสีแดงและน้ำเงินจากการสลับกันแพ้และชนะระหว่างไพ่เจ้ามือ (Banker) และไพ่ผู้เล่น (Player) อย่างเป็นระเบียบ แนวตัดนี้อาจเกิดขึ้นเป็น 2 แนวตัด, 3 แนวตัด หรือ 4 แนวตัดก็ได้

การสังเกตโต๊ะแนวตัดทำได้โดยดูจากกราฟภาพรวม (Big Road) เพียงกราฟเดียว คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีที่เป็นระเบียบ เช่น ในกรณีของโต๊ะแนวตัดแบบ 3 แนวตัด ทุกครั้งที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งชนะครบ 3 ครั้ง จะเกิดการสลับฝั่งขึ้น และจะไม่มีฝั่งใดชนะเกิน 3 ครั้งติดต่อกัน

วิธีเล่น

1. เลือกห้องที่พึ่งเปิดใหม่ไม่นาน ห้องที่เพิ่งเปิดใหม่จะทำให้คุณสังเกตแนวตัดได้ง่ายกว่า
2. แทงตามไปไม่ให้เกินแนวตัดนั้น ๆ เมื่อพบว่าเป็นโต๊ะแนวตัด ให้วางเดิมพันตามแนวไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เกินจำนวนแนวตัดที่สังเกตเห็น
3. เปลี่ยนฝั่งแทงเมื่อครบแนวตัด เมื่อการชนะครบตามจำนวนแนวตัด (เช่น 3 ครั้งสำหรับแนวตัด 3) ให้เปลี่ยนไปแทงอีกฝั่งทันที

2.    โต๊ะที่มีมังกรปรากฏ (Dragon Table)

ลักษณะ

โต๊ะที่มีมังกรปรากฏ หรือ Dragon Table เป็นห้องบาคาร่าที่มีการชนะติดต่อกันเป็นแนวยาวของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเจ้ามือ (Banker) หรือฝั่งผู้เล่น (Player) ก็ตาม ในกราฟภาพรวม (Big Road) จะเห็นเป็นแนวยาวของสีเดียวกัน คล้ายกับลำตัวของมังกร

การพิจารณาว่าเป็นมังกรจริงหรือไม่ ให้สังเกตว่าฝั่งที่ชนะติดต่อกันนั้นเป็นมังกรคุณภาพดี เลื้อยยาวจนหางเลี้ยวสวยสุดกระดานหรือไม่ นอกจากนี้ หากมีแต้มเสมอ (TIE) อยู่ภายในแนวมังกร ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่านี่คือโต๊ะมังกรที่แท้จริง

วิธีเล่น

1. เลือกเล่นในห้องที่มีมังกรอย่างน้อย 1 ตัว มองหาห้องที่มีแนวยาวของฝั่งใดฝั่งหนึ่งปรากฏชัดเจน
2. แทงตามไปเรื่อย ๆ เมื่อพบว่าเป็นโต๊ะมังกร ให้วางเดิมพันตามฝั่งที่กำลังชนะติดต่อกันไปเรื่อย ๆ
3. ห้ามแทงสวนเด็ดขาด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเล่นในโต๊ะมังกรคือห้ามแทงสวนทางกับแนวมังกรเด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงที่จะเสีย

3.    โต๊ะที่เกิดปิงปองชัดเจน (Ping Pong Table)

ลักษณะ

โต๊ะที่เกิดปิงปองชัดเจน หรือ Ping Pong Table เป็นห้องบาคาร่าที่มีการสลับแพ้ชนะระหว่างฝั่งเจ้ามือ (Banker) และฝั่งผู้เล่น (Player) อย่างสม่ำเสมอ ลักษณะนี้จะเห็นได้ชัดเจนในกราฟภาพรวม (Big Road) โดยจะมีการสลับสีแดงและน้ำเงินไปมาอย่างต่อเนื่อง

การตรวจสอบว่าเป็นโต๊ะปิงปองหรือไม่นั้นทำได้ง่าย เพียงดูที่กราฟภาพรวม (Big Road) และสังเกตการสลับสีแดง-น้ำเงิน โดยจะไม่มีการที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งชนะติดต่อกันเกิน 1 ครั้ง

วิธีเล่น

1. เลือกห้องที่พึ่งเปิดใหม่ไม่นาน เช่นเดียวกับโต๊ะแนวตัด การเลือกห้องที่เพิ่งเปิดใหม่จะช่วยให้คุณสังเกตรูปแบบปิงปองได้ง่ายขึ้น
2. แทงสลับฝั่ง วิธีการเล่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับโต๊ะปิงปองคือการแทงสวนฝั่งที่ชนะในตาที่แล้ว หรือพูดง่าย ๆ คือ ถ้าตาที่แล้วฝั่งเจ้ามือ (Banker) ชนะ ให้แทงฝั่งผู้เล่น (Player) ในตาต่อไป และสลับไปเรื่อย ๆ

ข้อควรระวังในการเลือกห้องบาคาร่า

แม้ว่าการเข้าใจประเภทของห้องบาคาร่าและวิธีการเล่นที่เหมาะสมจะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่ผู้เล่นควรตระหนักถึง

1. เลือกเล่นห้องที่เปิดไม่นาน ห้องที่เพิ่งเปิดใหม่มักจะง่ายต่อการวิเคราะห์รูปแบบมากกว่า แต่ต้องระวังไม่ให้เร็วเกินไปจนไม่มีข้อมูลเพียงพอในการวิเคราะห์
2. ไม่จำเป็นต้องเล่นทุกตา นักพนันที่ประสบความสำเร็จมักจะเลือกเล่นเฉพาะเกมที่พวกเขามีโอกาสชนะสูง ไม่จำเป็นต้องเล่นทุกรอบ การรอจังหวะที่เหมาะสมเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
3. สังเกตเค้าไพ่แบบผสมให้ดี บางครั้งคุณอาจพบห้องที่มีลักษณะผสมของหลายรูปแบบ หากพบเค้าไพ่ไม่เกิน 3-4 ชนิดในตารางเดียว อาจพิจารณาเล่นได้ แต่หากซับซ้อนเกินไป ควรหลีกเลี่ยง
4. หยุดเล่นเมื่อถึงเวลา กำหนดเป้าหมายในการเล่นให้ชัดเจน ทั้งในแง่ของวงเงินที่จะเล่นและกำไรที่ต้องการ เมื่อถึงเป้าหมายหรือขีดจำกัดที่กำหนด ให้หยุดเล่นทันที
5. เล่นกับคาสิโนออนไลน์คุณภาพเท่านั้น เลือกเล่นกับเว็บไซต์ที่ได้มาตรฐาน เป็นเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ และมีใบอนุญาต เช่น Gaming Curacao เพื่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการเล่นบาคาร่าอย่างมีประสิทธิภาพ

1. ศึกษาและทำความเข้าใจกฎของเกม ก่อนเริ่มเล่นจริง ควรทำความเข้าใจกฎของบาคาร่าให้ถ่องแท้ รวมถึงวิธีการนับแต้ม การเปิดไพ่เพิ่ม และอัตราการจ่ายเงิน
2. ฝึกฝนด้วยโหมดทดลองเล่น หลายคาสิโนออนไลน์มีโหมดทดลองเล่นที่ไม่ต้องใช้เงินจริง ใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ
3. จัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดงบประมาณสำหรับการเล่นและยึดมั่นในนั้น ไม่ควรใช้เงินที่จำเป็นสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาเล่นการพนัน
4. ควบคุมอารมณ์ อย่าให้อารมณ์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ไม่ว่าจะกำลังชนะหรือแพ้ การรักษาสติและเล่นอย่างมีเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญ
5. ใช้โบนัสและโปรโมชั่นอย่างชาญฉลาด หลายคาสิโนออนไลน์มีโบนัสและโปรโมชั่นสำหรับผู้เล่นบาคาร่า ใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่อ่านเงื่อนไขให้ละเอียดก่อนใช้งาน
6. ติดตามผลการเล่นของตนเอง จดบันทึกผลการเล่นของคุณ ทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณในระยะยาว
7. รู้จักหยุดพัก การเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้สมาธิลดลงและนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ควรหยุดพักเป็นระยะเพื่อรักษาความสดชื่นของจิตใจ

บทสรุป

การเลือกห้องบาคาร่าที่เหมาะสมเป็นทักษะสำคัญที่สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของคุณได้ การเข้าใจลักษณะของห้องประเภทต่าง ๆ ทั้งโต๊ะแนวตัด โต๊ะมังกร โต๊ะปิงปอง โต๊ะโกลเด้นน์ ไลน์ และโต๊ะที่แตกต่างอย่างชัดเจน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกกลยุทธ์การเล่นที่เหมาะสมได้

อย่างไรก็ตาม พึงระลึกไว้เสมอว่าบาคาร่ายังคงเป็นเกมแห่งโอกาส ไม่มีระบบหรือกลยุทธ์ใดที่รับประกันชัยชนะได้ 100% การเล่นอย่างมีความรับผิดชอบ การจัดการเงินทุนที่ดี และการรักษาวินัยในการเล่นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเล่นบาคาร่าหรือการพนันใด ๆ

ด้วยความรู้และทักษะที่คุณได้รับจากบทความนี้ ประกอบกับการฝึกฝนและประสบการณ์ คุณจะสามารถยกระดับการเล่นบาคาร่าของคุณและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้มากขึ้น แต่จงจำไว้เสมอว่า การพนันควรเป็นเพียงความบันเทิงเท่านั้น ไม่ควรพึ่งพาเป็นแหล่งรายได้หลัก และควรเล่นด้วยความรับผิดชอบเสมอ

การรู้จักและเข้าใจศัพท์บาคาร่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงผู้เล่นที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเล่นในคาสิโนจริงหรือออนไลน์ การใช้ศัพท์ที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถสื่อสารและเข้าใจเกมได้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่การตัดสินใจที่ดีและเพิ่มโอกาสในการชนะ

ความหมายของ Baccarat/Banco, Punto, Dealer

Baccarat หรือ Banco เป็นชื่อเรียกของเกมไพ่ชนิดนี้ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากคำในภาษาอิตาลีและฝรั่งเศสที่แปลว่า “ศูนย์” สาเหตุที่เรียกเช่นนี้เป็นเพราะการนับแต้มในบาคาร่านั้น ไพ่ที่มีค่าเป็นศูนย์ (ได้แก่ 10, J, Q, K) จะไม่นำมาคิดแต้ม ดังนั้น ไพ่ที่มีค่าสูงที่สุดในเกมนี้จึงมีแต้มเพียง 9 แต้มเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรียก “บาคาร่า” หรือ “แบงโก้” นั่นเอง

Punto เป็นคำศัพท์ภาษาสเปนที่แปลว่า “ผู้เล่น” ในบาคาร่า คำนี้มักใช้เรียกการเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player) ว่า “Punto Bet” เพื่อแยกให้เห็นความแตกต่างจากการเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) การเดิมพัน Punto นั้นเป็นการเดิมพันที่ตรงไปตรงมา ไม่มีค่าคอมมิชชั่นเหมือนการเดิมพันฝั่งเจ้ามือ แต่ก็มีความได้เปรียบน้อยกว่าเล็กน้อย

Dealer คือบุคคลที่ทำหน้าที่แจกไพ่และดำเนินเกมบาคาร่า โดยมีหน้าที่หลักในการแจกไพ่ให้กับฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือ รวมถึงการประกาศผลแพ้ชนะและจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้ชนะในแต่ละตา ดีลเลอร์จะต้องทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และปฏิบัติตามกฎกติกาของเกมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกมดำเนินไปด้วยความราบรื่นและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

นอกจากศัพท์พื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมีคำเรียกอื่น ๆ ที่ผู้เล่นบาคาร่าควรทราบ เช่น “Natural” ที่หมายถึงไพ่สองใบแรกที่มีแต้มรวมกันเป็น 8 หรือ 9 ซึ่งถือเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม และ “Tie” ที่หมายถึงผลเสมอระหว่างฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย แต่จะให้ผลตอบแทนที่สูงมากหากเดิมพันถูก

การทำความเข้าใจความหมายและที่มาของศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจโครงสร้างและรูปแบบของเกมบาคาร่าได้ดียิ่งขึ้น สามารถสื่อสารกับดีลเลอร์และผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้อง และวางเดิมพันได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ประสบการณ์การเล่นที่ดีและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้นนั่นเอง

อธิบาย Banker Bet, Player Bet และ Tie Bet

ในบาคาร่า ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันได้ 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Banker Bet, Player Bet และ Tie Bet แต่ละประเภทมีลักษณะ กฎกติกา และอัตราการจ่ายเงินที่แตกต่างกัน ดังนี้

Banker Bet เป็นการเดิมพันว่าฝั่งเจ้ามือ (Banker) จะเป็นฝ่ายชนะ โดยทั่วไปแล้ว การเดิมพันประเภทนี้จะมีอัตราการจ่ายเงินที่ 1:1 หรือหากเดิมพัน 100 บาท จะได้รับเงินรางวัล 100 บาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฝั่งเจ้ามือมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย คาสิโนจึงกำหนดให้ผู้ที่ชนะการเดิมพัน Banker ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น (Commission) ให้กับทางคาสิโน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 5% ของยอดเงินที่ชนะ ซึ่งถือเป็นการลดความได้เปรียบของฝั่งเจ้ามือลงนั่นเอง

Player Bet เป็นการเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่น (Player) จะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีอัตราการจ่ายเงินเช่นเดียวกับ Banker Bet คือ 1:1 แต่จุดที่แตกต่างคือการเดิมพันประเภทนี้ไม่มีการหักค่าคอมมิชชั่น ทำให้ผู้เล่นได้รับเงินรางวัลเต็มจำนวนเมื่อชนะการเดิมพัน อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎกติกาของเกมที่ให้ความได้เปรียบกับฝั่งเจ้ามือเล็กน้อย ทำให้โอกาสในการชนะของ Player Bet นั้นต่ำกว่า Banker Bet เล็กน้อยเช่นกัน

Tie Bet เป็นการเดิมพันที่น่าสนใจ โดยเป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือจะได้แต้มเท่ากัน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างยาก โอกาสของการเสมอในบาคาร่าอยู่ที่ประมาณ 9.6% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ หากผู้เล่นเดิมพัน Tie และทายถูก จะได้รับเงินรางวัลในอัตราที่สูงกว่าปกติมาก โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 8 ต่อ 1 หรือ 9 ต่อ 1 นั่นหมายความว่าหากเดิมพัน 100 บาท และทายผลเสมอถูก จะได้รับเงินรางวัลถึง 800 หรือ 900 บาทเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยโอกาสที่ค่อนข้างต่ำของการเกิดผลเสมอ ทำให้หลายคนมองว่า Tie Bet เป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง และอาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว

นอกจากการทำความเข้าใจประเภทของการเดิมพันแล้ว ผู้เล่นยังควรศึกษาอัตราต่อรองและความน่าจะเป็นของแต่ละประเภทให้ถ่องแท้ เพื่อวางแผนการเดิมพันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกประเภทการเดิมพันให้เหมาะกับเงินทุนและสไตล์การเล่นของตนเอง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะและทำกำไรจากเกมบาคาร่าได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

คำศัพท์เฉพาะ เช่น La Grande, La Petite, Shoe

เริ่มต้นด้วยคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสสองคำที่มักได้ยินบ่อย ๆ ในบาคาร่า นั่นคือ La Grande และ La Petite โดย La Grande หมายถึง “มือใหญ่” ซึ่งก็คือมือที่มีแต้มรวมเป็น 9 ส่วน La Petite หมายถึง “มือเล็ก” หรือมือที่มีแต้มรวมเป็น 8 นั่นเอง

อีกหนึ่งศัพท์สำคัญที่ควรรู้จักคือ Shoe ซึ่งหมายถึงกล่องหรือที่ใส่สำรับไพ่ ในบาคาร่า เราจะใช้สำรับไพ่หลายสำรับรวมกัน ดังนั้น Shoe จึงถูกออกแบบมาเพื่อบรรจุไพ่จำนวนมากและแจกไพ่ได้อย่างสะดวกตลอดทั้งเกม

Commission และ Burn Card คืออะไร

Commission เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่มีความสำคัญในบาคาร่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชอบเดิมพัน Banker Bet เนื่องจากในกรณีที่ชนะการเดิมพันฝั่งเจ้ามือ ผู้เล่นจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับทางคาสิโน โดยปกติอยู่ที่ 5% ของยอดเงินที่ชนะ ซึ่งถือเป็นข้อเสียเปรียบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการเดิมพันฝั่งผู้เล่น

อีกคำหนึ่งที่อาจไม่คุ้นหูนักสำหรับมือใหม่ คือ Burn Card ซึ่งหมายถึงไพ่ใบแรกที่ถูกดึงออกจาก Shoe และวางไว้ข้าง ๆ ก่อนเริ่มเกม โดยไพ่ใบนี้จะไม่ถูกใช้ในเกมเลย การ Burn Card เป็นเรื่องปกติในเกมไพ่หลายประเภท เพื่อป้องกันการโกงและสร้างความมั่นใจในความยุติธรรมของเกม

Palette และ Coup ในบริบทของบาคาร่า

ในโต๊ะบาคาร่า คุณอาจสังเกตเห็นดีลเลอร์ใช้ไม้ยาว ๆ คล้ายกับไม้ตียางในการเกลี่ยไพ่ ไม้นี้เรียกว่า Palette ซึ่งช่วยให้ดีลเลอร์สามารถจัดการไพ่ได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องสัมผัสไพ่โดยตรง และยังช่วยให้การแจกไพ่เป็นไปอย่างราบรื่นอีกด้วย

สุดท้าย เรามาทำความรู้จักกับคำว่า Coup ซึ่งหมายถึงรอบของการเล่นแต่ละครั้งในบาคาร่า ตั้งแต่การวางเดิมพัน การแจกไพ่ ไปจนถึงการประกาศผลแพ้ชนะ ทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่ง Coup โดยในแต่ละเกม จะมีหลาย Coup เกิดขึ้น และผู้เล่นสามารถเลือกเข้าร่วมหรือออกจากเกมได้ในระหว่าง Coup

การทำความเข้าใจศัพท์เฉพาะทางเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถติดตามเกมได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การเดิมพันที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนับไพ่ การวิเคราะห์ความน่าจะเป็น หรือการจัดการทุน ล้วนต้องอาศัยความเข้าใจในโครงสร้างและรายละเอียดของเกมทั้งสิ้น

กลยุทธ์ Martingale : หลักการ ความเสี่ยง และข้อควรระวัง

Martingale เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเดิมพันที่เก่าแก่และเข้าใจง่ายที่สุด โดยมีหลักการคือการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่แพ้ และเริ่มต้นใหม่ด้วยเงินเดิมพันขั้นต่ำเมื่อชนะ เป้าหมายคือการทำกำไรเท่ากับเงินเดิมพันเริ่มต้นในท้ายที่สุด

แม้จะดูเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลดีในทางทฤษฎี แต่ความเสี่ยงของ Martingale นั้นสูงมาก เนื่องจากอาศัยเงินทุนที่มหาศาลและไม่มีขีดจำกัดในการเดิมพัน ยิ่งแพ้มากครั้งเท่าไหร่ ยอดเงินเดิมพันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจเกินกว่าทุนหรือวงเงินสูงสุดของโต๊ะได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น หากต้องการใช้กลยุทธ์นี้ ผู้เล่นจำเป็นต้องมีวินัยในการจัดการทุน ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และหยุดเล่นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ไม่ปล่อยให้ความโลภหรืออารมณ์อยู่เหนือการตัดสินใจ

กลยุทธ์ Paroli : ระบบการเดิมพันเชิงบวกที่ปรับตามผลชนะ

ในทางตรงกันข้ามกับ Martingale, Paroli เป็นระบบการเดิมพันเชิงบวกที่เพิ่มยอดเงินเดิมพันเมื่อชนะและลดลงเมื่อแพ้ โดยมีเป้าหมายคือการ “ขี่ความโชคดี” หรือ Winning Streak ให้ได้มากที่สุด และลดความเสี่ยงจากการสูญเสียครั้งใหญ่

ยกตัวอย่างเช่น หากเริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท เมื่อชนะรอบแรก จะเพิ่มเป็น 200 บาท และเป็น 400 บาทในรอบถัดไปหากชนะอีกครั้ง แต่ถ้าแพ้ในรอบใด ก็จะเริ่มต้นใหม่ที่ 100 บาท เป็นวงจรเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

Paroli เป็นระบบที่เหมาะกับผู้ที่ชอบความเสี่ยงปานกลางและต้องการโอกาสทำกำไรที่สูงกว่าปกติ โดยใช้ทุนเริ่มต้นไม่มาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงจากการสูญเสียหลายรอบติดต่อกัน ซึ่งจะทำให้กำไรที่ทำได้หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

กลยุทธ์ Fibonacci : การประยุกต์ใช้ลำดับคณิตศาสตร์ในการเดิมพัน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบตัวเลขและความท้าทาย Fibonacci อาจเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ โดยอาศัยการเพิ่มยอดเงินเดิมพันตามลำดับ Fibonacci ซึ่งเป็นลำดับที่แต่ละจำนวนจะเท่ากับผลรวมของสองจำนวนก่อนหน้า เช่น 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, …

ในบริบทของบาคาร่า ผู้เล่นจะเพิ่มเงินเดิมพันตามลำดับนี้ทุกครั้งที่แพ้ และเลื่อนถอยหลัง 2 ตำแหน่งเมื่อชนะ จนกว่าจะถึงจุดเริ่มต้น ซึ่งแม้จะดูซับซ้อน แต่ก็ช่วยลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ดี Fibonacci ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของทุนและจำนวนรอบที่แพ้ติดต่อกัน ยิ่งแพ้มากเท่าไหร่ ยอดเงินเดิมพันก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจเกินกว่ากำลังที่มีได้ในที่สุด

บทสรุป : การนำศัพท์และกลยุทธ์บาคาร่ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเล่น

มาจนถึงตอนนี้เราได้เห็นถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจศัพท์และกลยุทธ์ต่าง ๆ ในบาคาร่า ตั้งแต่ศัพท์พื้นฐานอย่าง Banker, Player, Tie ไปจนถึงศัพท์เฉพาะทางอย่าง La Grande, La Petite, Commission และอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อการตัดสินใจและความเข้าใจในเกมทั้งสิ้น

เมื่อนำความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ร่วมกับกลยุทธ์การเดิมพัน ไม่ว่าจะเป็น Martingale, Paroli หรือ Fibonacci ก็จะยิ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางแผนและปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของการจัดการทุน การรับมือกับความเสี่ยง และการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นบาคาร่า หรือการพนันทุกประเภท ก็คือการมีสติและความรับผิดชอบต่อตัวเอง รู้จักควบคุมอารมณ์ จัดการทุนอย่างมีระเบียบ และไม่ให้การพนันกลายเป็นหนทางในการแก้ปัญหาในชีวิต

การนำคำศัพท์และกลยุทธ์ต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง จะช่วยให้การเล่นบาคาร่าเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่เป็นเพียงเกมและการพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น สุขภาพ ครอบครัว และหน้าที่การงาน ต่างหากที่ควรเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ในชีวิต

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เล่นที่มีประสบการณ์ บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับการเดิมพันบาคาร่าออนไลน์ เราจะนำคุณผ่านพื้นฐานของเกม อัตราต่อรองสำหรับการเดิมพันแต่ละประเภท และอิทธิพลของขอบบ้าน นอกจากนี้ เรายังจะสำรวจตัวเลือกการเดิมพันข้างที่น่าตื่นเต้น ซึ่งสามารถเพิ่มความหลากหลายและโอกาสในการสร้างกำไรให้กับประสบการณ์การเล่นเกมของคุณ

ด้วยความรู้ที่ได้รับจากบทความนี้ คุณจะมีความมั่นใจและความเข้าใจในการเดิมพันบาคาร่าบนแพลตฟอร์ม KUBET มากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะปลดล็อกความลับ เสริมทักษะ และเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นของเกมไพ่สุดคลาสสิกนี้ ไปกับเรา KUBET คาสิโนออนไลน์ที่จะมอบประสบการณ์การเดิมพันที่น่าประทับใจให้กับคุณ

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับบาคาร่า

บาคาร่าอาจดูเหมือนเป็นเกมที่เล่นยากสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บาคาร่ามีความคล้ายคลึงกับแบล็คแจ็คตรงที่ใช้ผลรวมของแต้มในการตัดสินผลแพ้ชนะ โดยในบาคาร่านั้น ผู้ชนะคือฝั่งที่มีแต้มใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุด แม้ว่าบาคาร่าจะมีกฎและลักษณะเฉพาะตัว แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไป บางคนเปรียบการเดิมพันในบาคาร่าเหมือนกับการเดิมพันว่าเหรียญจะออกหัวหรือก้อย (แต่มีความเป็นไปได้ที่เหรียญจะตั้งขึ้นด้วย)

ก่อนที่เกมจะเริ่มต้น ผู้เล่นจะต้องวางเดิมพันอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประเภท ได้แก่:

• เดิมพันว่ามือของเจ้ามือ (Banker) จะชนะ
• เดิมพันว่ามือของผู้เล่น (Player) จะชนะ
• เดิมพันว่าจะเสมอ (Tie)

หลังจากวางเดิมพันแล้ว ทั้งผู้เล่นและเจ้ามือจะได้รับไพ่ฝั่งละ 2 ใบ ฝั่งที่มีแต้มใกล้เคียง 9 แต้มมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ โดยไพ่หน้า (J, Q, K) และไพ่ 10 จะมีค่าเป็น 0 แต้ม ส่วนไพ่ A จะมีค่าเป็น 1 แต้ม

ในบาคาร่าจะไม่มีการนับแต้มที่เป็นเลข 2 หลักโดยตรง หากผลรวมของไพ่เท่ากับหรือมากกว่า 10 แต้ม ให้ตัดเลขหลักหน้าทิ้งไป หรือให้หักออกจากจำนวนแต้มทั้งหมด 10 แต้ม เช่น ถ้าผลรวมเป็น 15 แต้ม ให้ตัดเลข 1 หลักหน้าออกไป จะเหลือ 5 แต้ม เป็นต้น

อัตราต่อรองในบาคาร่า

อัตราต่อรองในเกมคาสิโนมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง แต่กฎบางข้อหรือรูปแบบการเล่นบางอย่างอาจส่งผลต่ออัตราต่อรองได้ ทั้งในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ในบาคาร่า การเดิมพันทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวไว้ข้างต้น จะมีอัตราต่อรองที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้ว การเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) มักจะมีโอกาสชนะสูงที่สุด ในขณะที่การเดิมพันว่าจะเสมอ (Tie) เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก  ด้วยเหตุนี้ การเดิมพันฝั่งเจ้ามือจึงให้ผลตอบแทนต่ำที่สุด ส่วนการเดิมพันเสมอให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

อิทธิพลของขอบบ้าน (House Edge)

ในทุกเกมคาสิโน ขอบบ้าน (House Edge) ทำให้คาสิโนมีโอกาสชนะมากกว่าผู้เล่นเสมอ ส่วนต่างเล็ก ๆ นี้เป็นรายได้ที่คาสิโนใช้ในการดูแลเว็บไซต์ ผลิตเกมใหม่ ๆ และจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน บาคาร่าเป็นเกมที่ค่อนข้างพิเศษตรงที่ผู้เล่นสามารถเดิมพันข้างคาสิโน (การเดิมพันฝั่งเจ้ามือ) ได้แม้จะเสียเปรียบจากขอบบ้านอยู่ก็ตาม

อย่างไรก็ดี การเดิมพันฝั่งเจ้ามือไม่ได้เป็นผลดีเสียทีเดียว เพราะผู้เล่นจะต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 5% หากเดิมพันฝั่งเจ้ามือชนะ จึงควรทำความเข้าใจให้ดีระหว่างขอบบ้านและค่าคอมมิชชั่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

โดยทั่วไปแล้ว การเดิมพันฝั่งเจ้ามือถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในบาคาร่า แม้จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมก็ตาม ในขณะที่การเดิมพันเสมอนั้นถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร

ขอบบ้านสำหรับการเดิมพันในบาคาร่ามาตรฐานมีดังนี้:

• ฝั่งเจ้ามือ (Banker) – 06%
• ฝั่งผู้เล่น (Player) – 24%
• เสมอ (Tie) – 36%

ความสัมพันธ์ระหว่างขอบบ้านกับจำนวนเงินที่ผู้เล่นจะได้รับอาจไม่ชัดเจนในทันที แต่ขอบบ้านที่คาสิโนมีนั้นจะส่งผลให้โอกาสในการชนะ และจำนวนเงินที่ผู้เล่นสามารถชนะได้ในช่วงเวลาหนึ่งลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม โต๊ะบาคาร่ายังคงเป็นสถานที่ที่มีโอกาสชนะและอัตราการจ่ายเงินที่สูงมาก

การจ่ายเงินรางวัลและอัตราต่อรอง

ส่วนที่สำคัญที่สุดของเกมคาสิโนคือการจ่ายเงินรางวัลและอัตราต่อรอง เราจะแสดงรายละเอียดพร้อมหมายเหตุที่สำคัญบางประการในส่วนต่อไปนี้

การเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker)

• อัตราต่อรองที่จะชนะเมื่อเดิมพันฝั่งเจ้ามือ คือ 45.86%
• หากชนะ การจ่ายเงินรางวัลจะเป็น 1:1 (เท่าทุน)
• ผู้เล่นต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 5% หากเดิมพันฝั่งเจ้ามือชนะ ดังนั้น แม้ผลตอบแทนเมื่อชนะจะเป็นแบบเท่าทุน แต่ต้องหักค่าคอมมิชชั่นออกก่อนออกจากโต๊ะ

การเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player)

• นี่คือการเดิมพันว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ
• มีโอกาสเกิดขึ้น 44.63% ซึ่งต่ำกว่าการเดิมพันฝั่งเจ้ามือเล็กน้อย แต่ดีกว่าการเดิมพันเสมออย่างมาก
• ผู้เล่นไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเมื่อเดิมพันฝั่งตัวเองชนะ เนื่องจากไม่ได้รับประโยชน์จากขอบบ้านที่ต่ำกว่า
• การจ่ายเงินรางวัลเป็น 1:1 (เท่าทุน)

การเดิมพันเสมอ (Tie)

• การเสมอเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นและเจ้ามือมีแต้มเท่ากัน
• โอกาสที่จะเกิดการเสมอมีเพียง 9.51%
• หากเสมอ เกมจะจบลงโดยไม่มีฝ่ายใดได้หรือเสีย (คืนเงินเดิมพัน)
• การเดิมพันเสมอให้ผลตอบแทนที่สูง คือ 8:1

จะเห็นว่าการเดิมพันฝั่งเจ้ามือที่ชนะจะได้รับผลตอบแทนเพียง 95% ของเงินเดิมพัน เนื่องจากต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 5% ในขณะที่การเดิมพันฝั่งผู้เล่นและการเดิมพันเสมอจะได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวนตามอัตราการจ่ายที่กำหนดไว้

นอกจากการเดิมพันหลักทั้ง 3 ประเภทแล้ว ในบาคาร่ายังมีตัวเลือกการเดิมพันเสริมที่เรียกว่าการเดิมพันข้าง (Side Bets) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและโอกาสในการชนะรางวัลที่สูงขึ้น การเดิมพันข้างเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละคาสิโน

การเดิมพันข้าง (Side Bets) ในบาคาร่า

การเดิมพันหลักในบาคาร่านั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกเบื่อหน่ายได้ แต่ด้วยการมีตัวเลือกการเดิมพันข้าง จะช่วยให้ผู้เล่นมีโอกาสวางเดิมพันในรูปแบบที่หลากหลายและมีช่องทางในการชนะรางวัลที่มากขึ้น

การเดิมพันข้างจะต้องทำก่อนที่เกมจะเริ่มต้นและมักจะมีอัตราจ่ายที่สูงกว่าการเดิมพันหลักซึ่งให้ผลตอบแทนสูงสุดเพียง 8:1 เท่านั้น การเดิมพันข้างหลายรูปแบบจะขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่นของเกมบาคาร่า ไม่ว่าจะเป็นแบบถ่ายทอดสด (Live Baccarat) หรือในคาสิโนจริง และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคาสิโนด้วย

การเดิมพัน All Red หรือ All Black

• เป็นการเดิมพันสีของไพ่ที่ผู้เล่นหรือเจ้ามือจะได้รับ
• มักจะให้ผลตอบแทนระหว่าง 22:1 ถึง 24:1

การเดิมพัน Bellagio Match

• ต้องใช้ไพ่ 3 ใบที่มีแต้มเท่ากันทั้งหมด
• หากเกิดขึ้นกับฝั่งผู้เล่นจะได้รับผลตอบแทน 75:1
• หากเกิดขึ้นกับฝั่งเจ้ามือจะได้รับผลตอบแทน 68:1

การเดิมพัน Royal Match

• มีเฉพาะในคาสิโนในลอนดอนเท่านั้น
• เป็นการเดิมพันว่าไพ่ K และ Q จะปรากฏในไพ่ 2 ใบแรก
• หาก K และ Q เป็นสีเดียวกัน จะได้รับผลตอบแทน 75:1
• หาก K และ Q คนละสี จะได้รับผลตอบแทน 30:1

การเดิมพัน Big และ Small

• เป็นการเดิมพันแต้มรวมของไพ่ 4, 5 หรือ 6 ใบ
• อาจต้องใช้ไพ่ 3 ใบต่อฝั่ง
• การเดิมพัน Big ในกรณีมีไพ่ 5 ใบ จะได้รับผลตอบแทน 0.54:1
• การเดิมพัน Small ในกรณีมีไพ่ 4 ใบ จะได้รับผลตอบแทน 2:1

การเดิมพัน 3-Card Six

• หากผู้เล่นและเจ้ามือได้แต้ม 6 จากไพ่ 3 ใบ จะได้รับผลตอบแทน 100:1
• หากมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้แต้ม 6 จากไพ่ 3 ใบ จะได้รับผลตอบแทนเพียง 8:1

จากรายละเอียดของการเดิมพันข้างที่หลากหลาย จะเห็นว่ามีหลายกรณีที่จะต้องใช้ไพ่ใบที่ 3 ซึ่งอาจเพิ่มความซับซ้อนให้กับเกมบาคาร่าบ้าง ในกรณีปกติ ผู้เล่นหรือเจ้ามือสามารถขอไพ่ใบที่ 3 ได้หากผลรวมของไพ่ 2 ใบแรกยังไม่ถึง 6 แต้ม ซึ่งอาจส่งผลต่อแต้มสุดท้ายของเกมนั้น ๆ

ทำไมการเดิมพันฝั่งเจ้ามือจึงมีโอกาสชนะมากกว่า

เมื่อเข้าใจกฎการจั่วไพ่ใบที่สามแล้ว คุณจะเห็นได้ชัดเจนว่า ทำไมฝั่งเจ้ามือถึงได้เปรียบกว่าผู้เล่น ถึงแม้ว่าโอกาสชนะเดิมพันของทั้งสองฝ่ายจะใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เท่ากันเสียทีเดียว

โดยหลักแล้ว ฝั่งเจ้ามือจะจั่วไพ่ใบที่สามก็ต่อเมื่อมีความจำเป็น คือมีแต้มต่ำกว่าฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่ผู้เล่นจะต้องจั่วไพ่เพิ่มเมื่อมีแต้ม 0-5 เสมอ โดยไม่คำนึงว่าเจ้ามือมีแต้มเท่าไหร่ นั่นหมายความว่า ฝั่งเจ้ามือจะได้เลือกจั่วไพ่เมื่อมีโอกาสเพิ่มแต้มให้สูงขึ้น ในขณะที่ฝั่งผู้เล่นถูกบังคับให้จั่วไพ่โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์

ยกตัวอย่างเช่น สมมติผู้เล่นมีแต้ม 5 ไพ่ที่จั่วเพิ่มมีโอกาสทำให้แต้มดีขึ้นได้ค่อนข้างจำกัด นั่นคือต้องจั่วได้ไพ่ที่มีแต้ม 1, 2, 3, หรือ 4 เท่านั้น ถ้าจั่วได้แต้ม 5 ขึ้นไป กลับจะยิ่งเสียเปรียบ ในทางตรงกันข้าม หากเจ้ามือมีแต้ม 5 ในขณะที่ผู้เล่นมีแต้ม 6 เจ้ามือก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงจั่วไพ่เพิ่ม เพราะมีสิทธิ์ชนะอยู่แล้วถ้าหยุดเพียงเท่านี้

กฎการจั่วไพ่ใบที่สามนี้เอง ที่ทำให้เจ้ามือมีโอกาสเพิ่มแต้มให้ได้มากกว่าฝั่งผู้เล่น ขณะเดียวกันก็เสี่ยงน้อยกว่าด้วย นี่คือสาเหตุที่ทำให้ฝั่งเจ้ามือมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย แม้ว่าจะดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายเล่นด้วยกฎกติกาเดียวกันก็ตาม

การเดิมพัน Player/Dealer Pair

นอกจากการเดิมพันข้างที่กล่าวไปแล้ว ยังมีการเดิมพัน Player/Dealer Pair ที่น่าสนใจ โดยจะชนะเดิมพันหากไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นหรือเจ้ามือเป็นไพ่คู่ (มีแต้มเท่ากัน) เช่น 8 และ 8 การเดิมพัน Player/Dealer Pair จะให้ผลตอบแทนที่ 11:1 ในกรณีที่ชนะ

การเดิมพัน Perfect Pair

ล้ายกับการเดิมพัน Player/Dealer Pair แต่ในกรณีนี้ ไพ่คู่ที่ได้รับจะต้องเป็นสีเดียวกันด้วย เช่น 10 โพดำ และ 10 โพดำ การเดิมพันนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่หากชนะจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 25:1

การเดิมพันข้างเหล่านี้สามารถเพิ่มระดับความตื่นเต้นและความคุ้มค่าให้กับการเล่นบาคาร่าได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นควรทำความเข้าใจในรายละเอียดและอัตราจ่ายของแต่ละการเดิมพันก่อนตัดสินใจลงเงิน ทั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสในการชนะและบริหารจัดการทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เนื้อหาของบทความนี้จะครอบคลุมถึงข้อมูลและกลยุทธ์ที่จําเป็นสําหรับเกมบาคาร่า ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ ต่างก็สามารถนําข้อมูลในบทความนี้ไปปรับใช้ในการเล่นเกมบาคาร่าบน KUBET ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ชนะในเกมได้ง่ายขึ้น

p[

ประวัติความเป็นมาของเกมบาคาร่า

บาคาร่าเป็นที่รู้จักในฐานะญาติที่ใกล้ชิดกับเกมไพ่ชื่อดังอย่าง แบล็กแจ็ก ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แต่ในตะวันออกเอเชียโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บาคาร่ากลับเป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ทั้งนี้เพราะรูปแบบการเล่นที่เน้นเกมส์ดวงและกติกาที่ไม่ซับซ้อน มากกว่าที่จะเน้นยุทธวิธีการเล่นเหมือนอย่างในแบล็กแจ็ก

มานานหลายปีบาคาร่าเป็นเกมหลักที่ทํารายได้อย่างมหาศาลให้กับคาสิโนในมาเก๊าและลาสเวกัส ตัวเลขสถิติในปี 2013 ระบุว่าเกมบาคาร่าสําหรับนักพนันระดับ VIP สร้างรายได้ถึง 48.2% จากทั้งหมดบนโต๊ะเกมในลาสเวกัส และล่าสุดในไตรมาส 3 ของปี 2020 บาคาร่าสร้างรายได้มหาศาลถึง 73% จากทั้งหมดให้กับคาสิโนในมาเก๊า เห็นได้ว่าสําหรับนักพนันระดับสูง เกมบาคาร่านั้นมีอิทธิพลอย่างมากในวงการคาสิโน

แม้ว่าบาคาร่าจะเป็นเกมพนันระดับโต๊ะที่โด่งดัง แต่จุดกําเนิดและที่มาของเกมนั้นยังคงเป็นปริศนา หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เกมนั้นมีจุดกําเนิดมาจากประเทศอิตาลี โดยมีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงเกมไพ่ยุคโบราณของจีน ก่อนที่จะแพร่หลายไปสู่ฝรั่งเศส และพัฒนามาเป็นรูปแบบของเกมบาคาร่าสมัยใหม่ในปัจจุบัน

จุดกําเนิดของบาคาร่าอยู่ในประเทศจีน?

หนึ่งในทฤษฎีว่าด้วยจุดกําเนิดของบาคาร่าคือ เกิดมาจากเกมไพ่โบราณของจีนที่เรียกว่า “ไพ่เป๋าเก้า” (Pai Gow) ซึ่ง Pai แปลว่า เก้า และ Gow แปลว่า สร้างหรือเอาชนะ มีความเป็นไปได้ว่าเกมดั้งเดิมของจีนนี้เองที่เป็นบรรพบุรุษของเกมบาคาร่า

ในปัจจุบัน เกมไพ่ Pai Gow ก็ยังได้รับความนิยมแพร่หลายในคาสิโนทั่วโลก โดยมีการปรับปรุงให้เล่นร่วมกับไพ่โป๊กเกอร์เรียกว่า Pai Gow Poker เกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในเกมยอดนิยมของคาสิโนออนไลน์ KUBET

การทดสอบพรหมจารีในสมัยโรม

อีกหนึ่งทฤษฎีที่อาจเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เกมบาคาร่าคือ พิธีกรรมการทดสอบแม่ชีพรหมจารีในสมัยโรมโบราณ ซึ่งไม่ได้ถือเป็นการเล่นการพนันแต่อย่างใด โดยหากแม่ชีพรหมจารีเมื่อโยนลูกเต๋าได้ตัวเลข 6 ขึ้นไป จะได้รับการอภัยโทษ และหากได้ 8 หรือ 9 จะมีสิทธิที่จะได้เป็นมหาปุโรหิต

การใช้ตัวเลข 9 เป็นสัญลักษณ์สําคัญในพิธีกรรมต่างๆ อาจจะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญธรรมดาของมนุษย์ที่ชื่นชอบตัวเลข 9 เช่นในความเชื่อทางโหราศาสตร์ของอินเดีย มีฤกษณ์ 9 ประการที่มีอิทธิพลต่อชะตาชีวิตของมนุษย์, ในความเชื่อของจีนมังกรเป็นสัญลักษณ์ของอํานาจและความเป็นเลิศซึ่งเชื่อมโยงกับตัวเลข 9, ในตํานานอียิปต์โบราณเชื่อว่ามีเทพเจ้า 9 องค์ที่สร้างโลกและจักรวาลนี้ขึ้นมา และในความเชื่อ Norse เชื่อว่ามี 9 โลกในจักรวาล ดังนั้นการใช้ตัวเลข 9 ในพิธีการหรือเกมการพนันต่างๆ รวมถึงบาคาร่า อาจจะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญก็เป็นได้

บาคาร่ามีต้นกําเนิดในประเทศอิตาลี

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่าบาคาร่าและเกมไพ่ต่างๆ มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศอิตาลี โดยเกมไพ่ Tarrochi ที่เป็นบรรพบุรุษและต้นตระกูลของไพ่ทาโรตในปัจจุบัน น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวงการเกมไพ่และเกมการพนันทั้งมวล รวมถึงบาคาร่า ในขณะที่เกม Macao ที่เล่นกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่าสมัยใหม่มาก โดยบางครั้งก็ถูกเรียกว่า Italian Baccarat

มีการอ้างอิงถึง Felix Falguiere ชาวอิตาลี เป็นจุดเริ่มต้นของเกม ซึ่งในสมัยนั้นใช้ชื่อว่า baccara โดยเล่นกัน 4 คนและผลัดกันเป็นเจ้ามือ ไม่นานนักเกมนี้ก็แพร่หลายมาสู่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพนันของยุโรปในเวลานั้น เมื่อทหารกลับจากการรบในอิตาลีในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15

เกม baccara ได้วิวัฒนาการมาเป็น 2 เกมที่เป็นที่นิยมในฝรั่งเศสคือ Baccarat en Banque สําหรับ 3 ผู้เล่น และ Chemin de Fer ที่เล่นเพียง 2 คน อย่างไรก็ตาม การบันทึกลายลักษณ์อักษรที่ระบุถึงชื่อ “baccarat” เป็นภาษาอังกฤษปรากฏครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Daily Telegraph ของประเทศอังกฤษ เมื่อเดือน มกราคม 1886 นั่นหมายความว่า ก่อน ค.ศ. 1886 บาคาร่าได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกมการพนันไปแล้วอย่างแน่นอน

บาคาร่าในรูปแบบปัจจุบัน – Punto Banco

รูปแบบของบาคาร่าที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือ Punto Banco โดย banco แปลว่าผู้เป็นเจ้ามือ เกมนี้เพิ่งเข้าสู่ตลาดการพนันระดับโลกในเมืองลาสเวกัสเมื่อปี 1959 โดย Tommy Renzoni เป็นผู้นําเกมรูปแบบนี้เข้ามา ซึ่งต้นฉบับของ Punto Banco มาจากคาสิโน Mar del Plata ในประเทศอาร์เจนตินาเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ดี เกมบาคาร่าที่ธนาคารเป็นผู้เสี่ยงดวงแทนผู้เล่นนั้น ก็มีการเล่นกันอยู่แล้วในคาสิโนฮาวานา ประเทศคิวบา ในช่วงทศวรรษ 1940 ซึ่งลักษณะกติกาและการจ่ายเงิน 1:1 และหักคอมมิชชั่น 0.5% จากฝั่งเจ้ามือชนะ ก็คล้ายกับบาคาร่าในปัจจุบัน

สําหรับสถิติสูงสุดของการชนะในประวัติศาสตร์บาคาร่า คือ Aiko “The Warrior” Kashiwagi ชาวญี่ปุ่นที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการชนะถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการเดิมพันมือละ 200,000 เหรียญ ที่คาสิโน Trump Plaza ในแอตแลนติกซิตี้ อย่างน่าเสียดายที่ Aiko ก็เป็นผู้ถือสถิติแพ้สูงสุดด้วยเช่นกัน เมื่อเขาเสียไปถึง 10 ล้านเหรียญ ในเกมบาคาร่าระดับ High Roller ที่คาสิโนเดียวกันนี้เช่นกัน

วิวัฒนาการของบาคาร่าในยุคดิจิทัล

แม้ว่ารากเหง้าของบาคาร่าจะมาจากอดีต แต่ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน บาคาร่าก็ได้รับการพัฒนาและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในคาสิโนออนไลน์ ที่มีการเพิ่มตัวเลือกในการเดิมพันและอัตราต่อรองที่หลากหลายขึ้น เช่นการเพิ่มเดิมพันพิเศษ (side bets) ในบาคาร่าออนไลน์ เพื่อเพิ่มความมีส่วนร่วมและโอกาสในการชนะให้กับผู้เล่น ยกตัวอย่างเช่น

Bellagio Match: เดิมพันว่าจะได้ไพ่ 3 ใบที่มีค่าเท่ากัน จ่ายได้ตั้งแต่ 68-75 เท่า

Big and Small: เดิมพันว่าไพ่ที่แจกออกมาน้อยกว่าหรือมากกว่า 4 ใบ จ่ายอัตรา 3/2 ถึง 2/1

Blacks or Reds: เดิมพันสีไพ่ทั้งหมดที่ออกมาเป็นสีเดียวกัน จ่าย 23 เท่า

Royal Match: ได้ไพ่ King และ Queen ใน 2 ใบแรก จ่าย 30-75 เท่า

Three-Card Six: Player และ Banker ได้ 3 ใบ โดยรวมกันได้ 6 จ่าย 100 เท่า

นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ให้บริการคาสิโนที่นําเสนอเกมบาคาร่าออนไลน์ Juad888 ก็ได้มีการพัฒนารูปแบบการเล่นที่หลากหลาย เช่น บาคาร่าสด ที่ผู้เล่นสามารถสัมผัสบรรยากาศการเล่นได้เสมือนจริง และบาคาร่าออนไลน์ที่เล่นผ่านระบบอัตโนมัติ เพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่นมากยิ่งขึ้น

KUBET พร้อมนําเสนอช่องทางการเล่นบาคาร่าออนไลน์รูปแบบต่างๆ ให้ผู้เล่นได้เลือกสรร พร้อมด้วยโปรโมชันมากมาย เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงและโอกาสในการชนะที่ยอดเยี่ยม รอต้อนรับผู้เล่นอย่างคุณไว้เสมอ

กติกาการเล่นบาคาร่าขั้นพื้นฐาน

บาคาร่าเป็นเกมไพ่ที่ใช้ไพ่จํานวน 6-8 สํารับ ประกอบไปด้วย A, 2-9 และ 10, J, Q, K โดยไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม, ไพ่ 2-9 มีค่าเท่ากับตัวเลขที่ปรากฎ, และ 10, J, Q, K มีค่าเท่ากับ 0 แต้ม ผู้ที่ได้แต้มรวมสูงสุดเป็นผู้ชนะ ยกเว้นแต้มรวม 8 หรือ 9 ถือว่าเป็น “เนเชอรัล” หรือผลลัพธ์เสมอกัน

การแบ่งฝั่งของผู้เล่นจะมีอยู่ 3 ฝั่งด้วยกันคือ Player หรือ Punto, Banker หรือ Banco และ Tie ซึ่งเป็นการเดิมพันให้ Player และ Banker ได้คะแนนเท่ากัน

การแจกไพ่และเปิดไพ่จะเป็นไปดังนี้

1. แจกไพ่ให้ Player และ Banker ฝั่งละ 2 ใบ
2. หากคะแนนของ Player น้อยกว่า 5 จะแจกให้ Player ไพ่ใบที่ 3 หากได้ 5-7 คะแนน จะหยุดแจกไพ่เพิ่ม
3. หาก Banker ได้คะแนน 0-5 จะแจกให้ Banker ไพ่ใบที่ 3 ยกเว้นกรณีต่อไปนี้จะหยุดแจก

• Banker ได้ 7 คะแนนแล้ว จะไม่แจกไพ่เพิ่ม
• Banker ได้ 6 คะแนน และ Player ได้ไพ่ใบที่ 3 แล้ว จะไม่แจกไพ่ให้ Banker เพิ่ม

การเดิมพันในบาคาร่าออนไลน์

เมื่อทราบกติกาการเล่นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกวางเดิมพันกับฝั่งต่างๆ โดยมีทางเลือกดังนี้

Player (Punto): เป็นการเดิมพันให้ฝั่ง Player ชนะ อัตราการจ่าย 1:1

Banker (Banco): เป็นการเดิมพันให้ฝั่ง Banker ชนะ อัตราการจ่าย 1:1 โดยจะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อถูกรางวัล

Tie: เป็นการเดิมพันให้ Player และ Banker ได้คะแนนเท่ากัน อัตราการจ่าย 8:1 หรือ 9:1 แล้วแต่คาสิโน

นอกจากนี้ยังมีเดิมพันพิเศษอื่นๆ ที่มีโอกาสชนะสูง เช่น Player/Banker Pair หรือ Big/Small เป็นต้น ซึ่ง KUBET มีให้ผู้เล่นเลือกหลากหลายรูปแบบ

กลยุทธ์สําคัญในการเล่นบาคาร่า

ผู้เล่นมือใหม่บางท่านอาจจะรู้สึกกดดันในการตัดสินใจเดิมพันฝั่งไหน บทความนี้ขอแนะนํากลยุทธ์ที่ง่ายต่อการนําไปใช้ ดังนี้

Follow the Shoe

เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่แนะนําให้ตามการแจกไพ่โดยเดิมพันฝั่งเดียวกันกับเจ้ามือเสมอ ซึ่งจะทําให้โอกาสชนะสูงกว่าการเดาเอาฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

Never Bet Tie

อย่าเดิมพันฝั่ง Tie เนื่องจากมีโอกาสเกิดขึ้นต่ํามาก ประมาณร้อยละ 14 ของมือ จึงไม่คุ้มค่ากับการเสี่ยงโชค

ปรับเปลี่ยนการเดิมพัน

หากเทียบสถิติแล้ว การเดิมพันฝั่ง Banker มีโอกาสชนะมากกว่า แต่เนื่องจากต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 5% จึงควรสลับไปเดิมพันฝั่ง Player บ้างเป็นระยะๆ เพื่อประหยัดเงินและลดความเสี่ยง

ระมัดระวังข้อผิดพลาดในการเล่นบาคาร่า

ไม่วางกลยุทธ์การเงิน

ผู้เล่นจํานวนมากตกหลุมพรางที่จะเพิ่มจํานวนเงินเดิมพันขึ้นเรื่อยๆ หากเสียเงินไปในตอนแรก เพื่อหวังจะกลับมาเอาคืนให้ได้ ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมาก ควรตั้งวงเงินในการเล่นไว้ตั้งแต่แรกและใช้กลยุทธ์เดิมพันที่เหมาะ ไม่ควรโลภหรือใจร้อน จนลืมกําหนดวงเงินสําหรับการเล่น ควรเล่นอย่างมีสติและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น

หลีกเลี่ยงการเดิมพัน Tie

ดังที่ได้กล่าวไว้ในกลยุทธ์ข้างต้นแล้วว่า การเดิมพันให้ได้ผล Tie มีโอกาสเกิดขึ้นต่ํา แต่ผู้เล่นจํานวนไม่น้อยก็ยังคงชอบเสี่ยงโชคด้วยการเดิมพันฝั่งนี้

ศึกษากติกาให้เชี่ยวชาญ

ก่อนการเล่นจริง ผู้เล่นควรศึกษากติกาต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน เช่น กติกาการแจกไพ่เพิ่ม, อัตราต่อรองและการจ่ายเงินของแต่ละฝั่ง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเล่นได้อย่างมาก

ภายใน KUBET มีเกมคาสิโนออนไลน์ให้เลือกเล่นมากมายหลายร้อยรายการ ไม่ว่าจะเป็น สล็อต, บาคาร่า, รูเล็ต, ไฮโล, แบล็คแจ็ค ฯลฯ โดยเฉพาะบาคาร่านั้นเป็นหนึ่งในเกมยอดฮิตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากมีวิธีการเล่นง่าย ไม่ซับซ้อน รูปแบบการเล่นสนุกสนานเร้าใจ

เกมบาคาร่าบน KUBET นั้นเล่นได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต สามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น มีให้เลือกเล่นทั้งโต๊ะธรรมดาและโต๊ะ VIP มีดีลเลอร์สาวสวยแต่งตัวน่ารักมาคอยเปิดไพ่ให้ รองรับผู้เล่นได้ตั้งแต่ 2-8 คนต่อโต๊ะ มีกติกาและการจ่ายเงินรางวัลเหมือนกับบาคาร่าในบ่อนคาสิโน สามารถเดิมพันได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด

เรียนรู้กติกาบาคาร่าให้เข้าใจก่อนเล่น

ก่อนจะเริ่มเล่นเกมบาคาร่า ผู้เล่นควรศึกษากติกาและวิธีการเล่นให้เข้าใจเสียก่อน ไม่ควรด่วนสมัครสมาชิกแล้วรีบเข้าไปเดิมพันทันที ซึ่งอาจทําให้เสียเปรียบและเสียเงินโดยไม่จําเป็น

กติกาบาคาร่าบน KUBET จะใช้สํารับไพ่ใบละ 8 สํารับ รวม 52 ใบ ไม่มี Joker ประกอบด้วย A, K, Q, J 10-2 ใน 4 สี ได้แก่ ดอกจิก (โพดํา) ดอกมังกร (โพแดง) ดอกพับ (ใบเสมอ) และวงกลม (โพคมมังกร) แต่ละสํารับจะมีไพ่หน้าแต้มเหมือนกัน ผู้เล่นสามารถเดิมพันได้ 3 ฝั่งด้วยกัน คือ ฝั่งเจ้ามือ (Banker) ฝั่งผู้เล่น (Player) และฝั่งเสมอ (Tie)

ในแต่ละรอบ ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 2-3 ใบ ส่วนเจ้ามือจะได้รับไพ่ 2 ใบเสมอ ผู้ที่ได้คะแนนไพ่รวมใกล้เคียง 9 คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะในรอบนั้น A = 1 แต้ม 10, J, Q, K = 0 แต้ม ถ้าคะแนนเท่ากันจะเป็นเสมอ ซึ่งจะมีการจ่ายผลตอบแทนให้ตามอัตราที่กําหนด

นอกจากศึกษากติกาแล้ว ผู้เล่นควรทําความเข้าใจกับอัตราการจ่ายเงินรางวัล เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ชนะด้วย 6 แต้มของเจ้ามือ, การจ่ายคอมมิชชั่น เป็นต้น เพื่อประโยชน์สูงสุดในการเล่น

อย่าหลงเชื่อเค้าไพ่จนเกินไป

แม้ว่าศาสตร์การอ่านเค้าไพ่จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่ผู้เล่นก็ไม่ควรหลงเชื่อมันจนลืมนึกถึงความเป็นจริงว่า ไพ่แต่ละใบที่ออกมานั้นเป็นเรื่องของความบังเอิญ ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยํา

เช่น ถ้าไพ่ออกสลับกันไปมา บางคนก็แนะนําให้ผู้เล่นแทงสวน แต่นั่นเป็นเพียงสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น มันไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมในทุกรอบที่เราเล่น

ดังนั้นเมื่อมองเห็นเค้าไพ่ ผู้เล่นควรตัดสินใจด้วยสติ ไม่ประมาทหรือดื้อดึงจนเกินไป ยึดกฎเหล่านี้จนลืมนึกถึงความเป็นจริง และที่สําคัญที่สุดคือ ไม่ควรเชื่อว่าเค้าไพ่จะบอกอนาคตได้อย่างแม่นยํา 100%

นอกจากนี้ ผู้เล่นควรเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การออกไพ่ ซึ่งเป็นเรื่องของโชคและความบังเอิญ ไม่มีใครสามารถพยากรณ์อนาคตหรือผลลัพธ์ที่จะออกมาได้อย่างถูกต้องแม่นยําแน่นอน 100% ทุกครั้ง จึงไม่ควรประมาท แต่ให้เล่นอย่างรอบคอบและมีสติเสมอ

เลือกใช้สูตรเดินเงินให้เหมาะสม

หัวใจสําคัญในการเล่นบาคาร่าคือ การบริหารจัดการเงินทุน และการเก็บกําไรไว้ มากกว่าการทําอย่างไรให้ชนะในทุกรอบ เพราะเราไม่สามารถควบคุมหรือกําหนดเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม การใช้สูตรเดินเงินต่าง ๆ จะช่วยให้เราบริหารจัดการทุนได้ดีขึ้น โดยผู้เล่นควรศึกษาและเลือกใช้สูตรที่เหมาะสมกับสถานการณ์และระดับของตัวเอง

ยกตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นเป็นมือใหม่ ต้องการฝึกฝน ก็สามารถใช้สูตรเดินเงินคงที่ที่เสี่ยงน้อย เมื่อพร้อมจะเสี่ยงมากขึ้นเพื่อเก็บกําไร ก็อาจใช้สูตร Martingale เข้ามาช่วย เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสูตรอื่น ๆ เช่น 1324, เดลองเบ, ลาบูเซอร์ ให้เลือก โดยแต่ละสูตรจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ผู้เล่นต้องศึกษาให้เข้าใจและเลือกใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม

วางแผนการเล่นให้รอบคอบ

แทนที่จะคิดว่าตัวเองเป็นนักพนัน ผู้เล่นควรมองว่าการเล่นบาคาร่าเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง เหมือนกับการซื้อหุ้น ตราสารทุน หรือตราสารหนี้

ดังนั้น จึงควรวางแผนการลงทุนให้รอบคอบโดยกําหนดวงเงิน ต้นทุนที่ยอมเสียได้ กําไรที่หวังว่าจะได้รับ เมื่อไหร่ควรหยุดเล่น เป็นต้น แล้วถือปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด

โดยเฉพาะเมื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ผู้เล่นควรหยุดเล่นทันที ไม่ควรคิดว่าจะเล่นต่อไปเพื่อเอาคืนหรือเก็งกําไรเพิ่ม อันตรายที่สุดคือการเล่นต่อโดยปราศจากแผน ซึ่งจะทําให้เสียเงินคืนมากกว่าเดิมในที่สุด

สรุปแล้ว ในการเล่นบาคาร่าบน KUBET ผู้เล่นมือใหม่ควรศึกษากติกาให้เข้าใจก่อน ไม่หลงเชื่อเค้าไพ่จนเกินไป รู้จักเลือกใช้สูตรเดินเงิน และวางแผนการเล่นอย่างรอบคอบ ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มโอกาสทํากําไรได้มากขึ้น

ใช้เงินที่ยอมเสียได้มาเล่น

การเล่นบาคาร่าเป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ผู้เล่นจึงควรใช้เงินที่ “พร้อมจะเสีย” หรือเงินเย็นที่ไม่กระทบต่อการใช้จ่ายประจําวันมาเล่น

ไม่ควรนําเงินที่จําเป็นต้องใช้ เช่น เงินเดือน ค่าผ่อนบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก ฯลฯ มาใช้เล่น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยงสูงมากที่อาจส่งผลร้ายแรงถ้าโชคร้ายเสียเงินไป

นอกจากนี้ หากใช้เงินที่มีความสําคัญในชีวิตประจําวันมาเล่น จะทําให้ไม่สามารถมุ่งโฟกัสเกมได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องมากังวลถึงผลลัพธ์ ไม่สนุกและเพลิดเพลินไปกับการเล่นเหมือนคนอื่น

แทงฝั่งเจ้ามือดีกว่าฝั่งอื่น

แม้ว่าอัตราการชนะจะอยู่ที่ราว 50:50 เท่ากันหากเลือกแทงเจ้ามือหรือผู้เล่น แต่ที่จริงแล้ว การแทงฝั่งเจ้ามือจะดีกว่า เพราะมีโอกาสได้กําไรมากกว่าระยะยาว

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า การแทงฝั่งอื่น เช่น แทงไพ่เสมอ ฝั่งผู้เล่น จะมีอัตราจ่ายสูงกว่าฝั่งเจ้ามือถึง 5-20 เท่า แม้โอกาสชนะน้อย แต่หากถูกรางวัลจะได้เป็นกอบเป็นกํา

ในขณะที่ฝั่งเจ้ามือ แม้จ่ายน้อย (หัก 5%) แต่มีโอกาสชนะบ่อยครั้งกว่า จึงคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ดังนั้นผู้เล่นจึงไม่จําเป็นต้องหลีกเลี่ยงการแทงฝั่งเจ้ามือโดยอ้างเหตุผลเรื่องค่าคอมมิชชั่น

ควรแทงเสมอบ้างแต่อย่ามากเกินไป

เมื่อพูดถึงการแทงฝั่งเสมอว่าให้หลีกเลี่ยง ไม่ได้หมายความว่าห้ามเล่นเลย เพียงแต่ควรแทง “น้อย ๆ” หรือใช้เงินเดิมพันในจํานวนที่ต่ํา

ซึ่งการแทงเสมอบางครั้งอาจจะเปรียบเสมือน “การซื้อหวย” ให้ได้ลุ้นรางวัลใหญ่บ้าง เพียงแค่หวังให้ “โชคดีได้ถูกรางวัล” เพราะอัตราจ่ายถึง 8 เท่า และมีโอกาส 14% ที่จะถูก

ดังนั้น ถ้าโชคดีถูก ก็จะได้กําไรมหาศาลทีเดียว ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอนานเพื่อรวบรวมกําไรจากการแทงเจ้ามือทีละเล็กละน้อย ก็สามารถจบเกมได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก็อย่าลืมว่าฝั่งเสมอมีโอกาสที่จะแพ้สูงมากเช่นกัน จึงไม่ควรเอาใจใส่หรือวางเดิมพันมากเกินไป แค่เล็กน้อยเท่านั้นพอ

ฝึกฝนให้ชํานาญ ก่อนเล่นจริง

ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างกําไรจากการเล่นบาคาร่าอย่างสม่ําเสมอ จําเป็นต้องอาศัย “ฝีมือและความชํานาญ” เป็นสําคัญ

ในปัจจุบัน KUBET และเว็บพนันออนไลน์ชั้นนําต่างมีการแข่งขันสูง เพื่อดึงดูดลูกค้า ส่วนใหญ่จึงมี “โหมดเดโม” ให้ผู้เล่นได้ทดลองฝึกซ้อมได้ฟรีก่อนเป็นจํานวนมาก

จุดเด่นนี้คือ ผู้เล่นจะได้ฝึกฝนจนชํานาญ โดยไม่ต้องสูญเสียเงินทุนแต่อย่างใด ก่อนจะกล้ามาลงทุนเล่นจริงด้วยเงิน เมื่อพร้อมแล้วผลตอบแทนที่ได้รับก็จะมากขึ้น

ดังนั้นสิ่งที่มือใหม่ไม่ควรมองข้ามคือการฝึกฝนอย่างจริงจังก่อนลงเล่นจริง ซึ่งจะทําให้ได้เปรียบในเรื่องของทักษะและประสบการณ์ นําไปสู่ผลตอบแทนที่สูงขึ้นแน่นอน

สรุปปิดท้าย

สรุปโดยรวมแล้ว การเล่นบาคาร่าบน KUBET สําหรับมือใหม่นั้น แม้จะมีข้อได้เปรียบที่กติกาง่าย อัตราการชนะ 50:50 แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะแต่ละฝั่งมีโอกาสและผลตอบแทนไม่เท่ากัน

ดังนั้น สิ่งที่ผู้เล่นมือใหม่ควรทำคือ ศึกษากติกาอย่างละเอียด ฝึกซ้อมให้ชํานาญก่อนเล่นจริง รู้จักบริหารจัดการเงินทุนและใช้สูตรเดินเงินอย่างเหมาะสม เลือกแทงฝั่งเจ้ามือเป็นหลัก แทงเสมอน้อย ๆ เท่านั้น

การทําตามข้อแนะนําเหล่านี้อย่างรอบคอบ จะช่วยให้มือใหม่เพิ่มโอกาสทำกําไรจากการเล่นบาคาร่าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

กำเนิดของบาคาร่าที่อาจเป็นไปได้ในสมัยโบราณ

แม้ว่าจุดเริ่มต้นที่แน่ชัดของบาคาร่าจะมีหลักฐานยืนยันประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 แต่มีข้อสันนิษฐานว่า รากฐานของเกมนี้อาจมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

อิทธิพลจากประเทศจีน

มีความเป็นไปได้ว่าบาคาร่ามีที่มาจากเกมการเสี่ยงโชคด้วยการโยนลูกเต๋าโบราณของจีนที่ชื่อ ป่าเก้า ซึ่ง “ป่า” แปลว่า 9 ในภาษาจีน ดังนั้นการใช้เลข 9 ในกติกาของบาคาร่าจึงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมป่าเก้านี้

การทดสอบพรหมจารีในสมัยโรมัน

อีกตํานานหนึ่งกล่าวว่า บาคาร่าอาจมีรากฐานมาจากพิธีกรรมของพรหมจารีในสมัยโรมันโบราณ ซึ่งพรหมจารีจะต้องโยนลูกเต๋าและได้ผลลัพธ์ 6 ขึ้นไป เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หากได้ 8 หรือ 9 จะได้เป็นนักบวชระดับสูง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับกติกาของบาคาร่าที่ให้คะแนน 9 มากที่สุด

ดังนั้นการใช้เลข 9 ในเกมโบราณเหล่านี้อาจเป็นเพียงความบังเอิญ ไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นจุดเริ่มต้นของบาคาร่า

กำเนิดบาคาร่าในประเทศอิตาลี

มีหลักฐานบ่งชี้ว่าประวัติของบาคาร่า รวมถึงเกมไพ่อื่น ๆ มีจุดเริ่มต้นในประเทศอิตาลี เกมไพ่ Tarrochi ของอิตาลีซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับไพ่ทาโรต์ เชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของเกมไพ่ทั้งหมด รวมถึงบาคาร่าด้วย เกม Macao ที่เล่นกันในคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่าสมัยใหม่มากกว่า และบางครั้งถูกเรียกว่า “บาคาร่าอิตาลี”

นักประวัติศาสตร์บางส่วนชี้ว่า Felix Falguiere ชาวอิตาลี เป็นจุดเริ่มต้นของบาคาร่า โดยเขาเรียกเกมนี้ว่า “baccara” ในเกมนี้ไพ่ 10 และไพ่หน้าเป็น 0 คะแนน และผู้เล่น 4 คนสลับกันเป็นเจ้ามือ ไม่นาน baccara ก็แพร่หลายไปยังศูนย์กลางการพนันของยุโรปอย่างประเทศฝรั่งเศส

เชื่อว่าทหารที่กลับจากอิตาลีในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 ได้นําเกมนี้มาเผยแพร่ที่ฝรั่งเศส จนกลายเป็นเกมยอดนิยม 2 เกมคือ Baccarat en Banque ซึ่งเล่นกัน 3 คน และ Chemin de Fer สำหรับ 2 คน อย่างไรก็ตาม หลักฐานเอกสารที่บันทึกการเล่นบาคาร่าครั้งแรก มีอยู่ในหนังสือ Album des Jeux โดย Charles Van-Tenac ในปี ค.ศ. 1847 ซึ่งวิเคราะห์บาคาร่าในแง่มุมทางคณิตศาสตร์ สะท้อนว่าบาคาร่ามีมาก่อนหน้านั้นอย่างแน่นอน

แม้ว่าจุดเริ่มต้นนี้จะถือเป็นจุดเกิดของบาคาร่า แต่บาคาร่าในสมัยนั้นก็ยังแตกต่างจากรูปแบบที่เล่นกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

กำเนิดบาคาร่าในรูปแบบที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

รูปแบบของบาคาร่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือ Punto Banco ซึ่ง “Banco” แปลว่า “เจ้ามือ” เกมนี้เพิ่งเข้าสู่ตลาดคาสิโนลาสเวกัสในปี ค.ศ. 1959 โดยในขณะนั้นเกม Chemin de Fer ยังเป็นที่แพร่หลายอยู่ แต่ Punto Banco รูปแบบของ Tommy Renzoni ก็เริ่มได้รับความนิยม

มีข้อมูลว่า Punto Banco ถูกคิดค้นขึ้นที่คาสิโน Mar del Plata ของอาร์เจนตินา น้อยกว่า 10 ปีก่อนที่จะมาแพร่หลายในลาสเวกัส อย่างไรก็ตาม บาคาร่าที่เจ้ามือเป็นธนาคารก็เคยมีการเล่นในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ในช่วงทศวรรษ 1940 เป็นบาคาร่ารูปแบบนี้ที่มีอัตราการจ่าย 1 :1 และค่าคอมมิชชั่น 0.5% สำหรับการเดิมพันเจ้ามือ

สถิติการชนะบาคาร่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นของ Aiko “The Warrior” Kashiwagi ซึ่งชนะไปถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเดิมพันมือละ 200,000 ดอลลาร์ ที่คาสิโน Trump Plaza ในแอตแลนติกซิตี้ อย่างไรก็ตาม Aiko ก็มีสถิติการแพ้ที่แย่ที่สุดด้วย เมื่อเสียเงินไปถึง 10 ล้านดอลลาร์จากการเล่นบาคาร่าในระดับสูงในคาสิโนเดียวกัน

วิวัฒนาการของบาคาร่าในยุคดิจิทัล

ประวัติของบาคาร่ามีการเปลี่ยนแปลงและรับอิทธิพลมาจากทั่วโลก แต่ในยุคดิจิทัล Punto Banco ในรูปแบบมาตรฐานก็สามารถวิวัฒนาการได้ แม้ว่าคาสิโนบางแห่งจะมีการเพิ่มเติมเดิมพันพิเศษ แต่การขยายตัวที่ใหญ่ที่สุดของบาคาร่าก็เกิดขึ้นในเวอร์ชันออนไลน์และเกมสด ตัวอย่างของเดิมพันพิเศษในบาคาร่าออนไลน์ เช่น

• Bellagio Match : ไพ่ 3 ใบแรกมีหน้าไพ่เดียวกัน จ่าย 68-75 เท่า
• Big and Small : เดิมพันว่าไพ่ที่แจกมีมากกว่าหรือน้อยกว่า 4 ใบ อัตราต่อรอง 3/2 ถึง 2/1
• Blacks or Reds : เดิมพันไพ่ทั้งหมดเป็นสีเดียวกัน จ่าย 23 เท่า
• Royal Match : ไพ่ 2 ใบแรกเป็นคิงกับควีน จ่าย 30-75 เท่า
• Three-Card Six : ฝั่งเจ้ามือและผู้เล่นได้ไพ่ 3 ใบรวมเป็น 6 จ่าย 100 เท่า

ประวัติของบาคาร่ามีการเปลี่ยนแปลงและรับอิทธิพลมาจากทั่วโลก การเล่นในรูปแบบดั้งเดิมจึงวิวัฒนาการมาเป็นเกมที่มีความหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบัน

สรุป

ประวัติของบาคาร่ามีจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างคลุมเครือ โดยอาจสืบเนื่องมาจากเกมโบราณของจีนและโรมัน ก่อนจะกลายมาเป็นเกมไพ่ในประเทศอิตาลีและแพร่หลายไปทั่วยุโรปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-18 บาคาร่าในรูปแบบที่เป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบันคือ Punto Banco ซึ่งเพิ่งเข้าสู่ตลาดคาสิโนในทศวรรษ 1950 และมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีจุดกำเนิดที่ไม่แน่ชัด แต่บาคาร่าก็สามารถครองใจนักพนันและสร้างรายได้มหาศาลให้กับคาสิโนมานานหลายศตวรรษ จนถึงทุกวันนี้

ในการเล่นบาคาร่าออนไลน์มีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มักถูกละเลย แต่สามารถมีผลกับผลลัพธ์ของเกมได้อย่างมาก การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในนั้น เพียงแค่เข้าใจวันและเวลาในการเล่นได้ตรงจุด คุณสามารถทำเงินจากการเล่นบาคาร่าออนไลน์ได้ไม่ยาก และสามารถนำคุณไปยังเป้าหมายสูงสุดในการเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น

ด้วยประสบการณ์จากการคลุกคลีอยู่ในแวดวงคาสิโนออนไลน์มานาน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกช่วงเวลาในการเล่นเดิมพัน ที่เหมาะสมและสามารถใช้งานได้จริง ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำเงินได้คุณได้ทันที

ทำไมถึงควรรู้ว่าเล่นบาคาร่าเวลาไหนดี

นอกจากวิธีเล่นบาคาร่าที่ควรศึกษาให้เข้าใจจนแตกฉานแล้ว สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคืออย่าได้มองข้ามเวลาในการเล่น เพราะเว็บบาคาร่าที่ดีที่สุด ย่อมใช้อัลกอริทึ่ม (Algorithm) หรือขั้นตอนการประมวลผลโดยอ้างอิงจากผู้ใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นช่วงเวลาในการเล่นถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้ทักษะและประสบการณ์ที่ต้องฝึกฝนกันเป็นเวลานาน

การเลือกเล่นเดิมพันบาคาร่าออนไลน์ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด และมีโอกาสทำเงินได้ง่ายที่สุด ซึ่งสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างให้กับผู้เล่นได้มาก เพราะหากเลือกเล่นในเวลาที่ดี ย่อมหมายถึงการเพิ่มผลประโยชน์ต่อตัวของผู้ใช้งานเองได้แบบแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นี่คือเหตุผลที่ว่า “ทำไมถึงควรรู้ว่าเล่นบาคาร่าเวลาไหนดี”

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเล่นบาคาร่า

โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลาใหญ่ ๆ ได้แก่ ช่วงเวลากลางวัน, ช่วงเวลากลางคืน, ช่วงวันธรรมดาและช่วงวันหยุด  ซึ่งช่วงเวลาเล่นบาคาร่าจะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณจำเป็นที่จะต้องเข้าใจหลักการพิจารณาอย่างละเอียดและดูความเหมาะสมกับตัวเองด้วย สำหรับ 4 ช่วงเวลาที่ว่ามีรายละเอียดดังนี้

ช่วงเวลากลางวัน (ตั้งแต่เวลา 6.01-18.00 นาฬิกา)

ช่วงเวลากลางวันนับตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าไปจนถึง 6 โมงเย็น เป็นต้นไป โดยแบ่งย่อยออกมาเป็นช่วงวันธรรมดา และช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ช่วงเวลาเล่นบาคาร่าในตอนเช้านั้น เป็นช่วงเวลาที่ทำความเข้าใจได้ง่าย เพราะสามารถแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน และสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

ช่วงเวลากลางวันในวันธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร์)

สำหรับช่วงเช้าของวันธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร์) มีช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเล่นบาคาร่าออนไลน์ในช่วงต้นวัน ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าไปจนถึงประมาณ 8 โมง เพราะผู้คนในช่วงเวลานี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางไปทำงาน ซึ่งเป็นเวลาที่มีผู้ใช้งานคาสิโนออนไลน์น้อยมากที่สุด เป็นเวลาที่เหมาะสมจะเล่นเดิมพันมากที่สุด

ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือช่วงเวลาตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะผู้คนเลิกงานและเดินทางกลับบ้านกัน ถือเป็นช่วงพีคไทม์ (Peak Time) ที่มีผู้เข้าไปเล่นเดิมพันที่คาสิโนออนไลน์มากที่สุด เป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าวในวันธรรมดา

ช่วงเวลากลางวันในวันหยุด (วันเสาร์-วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์)

หากอยากเล่นบาคาร่าในช่วงเช้าของวันหยุด (วันเสาร์-วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลาที่ดีที่สุดในการเล่นเดิมพันคือตั้งแต่ตอน 6 โมงเช้าไปจนถึงเวลา 10 โมง เพราะเป็นช่วงที่มีการใช้งานค่อนข้างน้อย คนส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงพักผ่อน การจัดการธุระต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ส่วนช่วงเวลาที่ควรเลี่ยงในการเล่นเดิมพันมากที่สุดคืนตั้งแต่หลัง 10 โมงเป็นต้นไป เพราะคนที่พักผ่อนกันอยู่ส่วนใหญ่นั้น จะเริ่มตื่นในช่วงเวลานี้กัน การที่มีคนเล่นมากหมายถึงอัตราการแปรผันที่สูงขึ้น และโอกาสชนะรางวัลที่ลดน้อยลงตามจำนวนผู้เล่น

ช่วงเวลากลางคืน (ตั้งแต่เวลา 18.01-6.00 นาฬิกา)

ช่วงเวลากลางคืนสามารถแบ่งโซนได้ตั้งแต่หลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไปยาวไปถึง 6 โมงเช้าอีกวัน เวลาช่วงนี้เป็นเวลาสบายๆ ที่หลายคนมักจะเลือกช่วงเวลาเล่นบาคาร่าในตอนนี้มากที่สุด เราสรุปออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ สำหรับช่วงเวลากลางคืนในวันธรรมดาและวันหยุด มาเรียนรู้ว่าเวลาไหนน่าเล่นบ้าง

ช่วงเวลากลางคืนในวันธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร์)

เวลาช่วงกลางคืนที่เหมาะจะเล่นเดิมพันในวันธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร์) มีช่วงเวลาที่เหมาะสมอยู่หนึ่งช่วงคือ ช่วงหลังตี 1 เป็นต้นไปยาวนานไปจนถึง 6 โมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต้องพักผ่อนร่างกาย เพื่อพร้อมทำงานในอีกวัน ดังนั้นจำนวนผู้เล่นและความผันผวนในเกมบาคาร่าจะลดลงตาม เป็นช่วงที่เหมาะแก่การเล่นที่สุดในตอนกลางคืน

ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดในวันธรรมดาช่วงกลางคืน คือเวลาตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงประมาณเที่ยงคืนเป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนต้องการพักผ่อนและเลือกเสพสื่อบันเทิงต่างๆ ภายในที่พักของตน เป็นช่วงที่เว็บพนันมีผู้ใช้งานมากที่สุด เป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงการเล่นในช่วงเวลานี้จะดีที่สุด

ช่วงเวลากลางคืนในวันหยุด (วันเสาร์-วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์)

ตรงกันข้าม หากต้องการเล่นเดิมพันในช่วงกลางคืนของวันหยุด (วันเสาร์-วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์) ช่วงเวลาเล่นบาคาร่าที่เหมาะสมที่สุดคือเวลาตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไปยาวไปจนถึง 6 โมงเช้าอีกวัน เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ผู้คนออกไปใช้ชีวิตกลางคืนมากที่สุด และยอดผู้ใช้งานลดลงตามจำนวนเป็นอย่างมาก

ส่วนเวลาที่แย่ที่สุดในการเล่นเดิมพันช่วงกลางคืนในวันหยุด คือช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงประมาณ 3 ทุ่ม เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนยังอยู่ที่บ้านและยังไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนมากนัก หากอยากเล่นเดิมพันบาคาร่าออนไลน์ให้ได้กำไร ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว

บทสรุป

สำหรับนักเล่นที่ดี ช่วงเวลาเล่นบาคาร่า คือช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจ พร้อมที่จะเล่นเดิมพันมากที่สุด หากสองสิ่งนี้ไม่พร้อมทำงาน ต่อให้เลือกวันและเวลาที่ดีที่สุดมาเล่นก็ไร้ค่า เพราะคุณจะไม่สามารถโฟกัสกับการเล่นได้ตรงจุด ดังนั้นหากจากทำกำไรจากการเล่นไพ่บาคาร่าออนไลน์ให้ได้มากๆ อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อพร้อมทุกอย่างแล้ว ค่อยกลับมาเล่นใหม่ก็ไม่สาย

ทบทวนพื้นฐานบาคาร่าก่อนเล่น

สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นบาคาร่ามาก่อนหรือมีประสบการณ์เพียงแค่เล็กน้อยล่ะก็ ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องนี้ต่อให้ซื้อประกันภัยบาคาร่ามาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้ว่าบาคาร่าจะมีอัตราจ่ายที่จัดว่าค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมันเป็นเกมที่มีความเสี่ยงต่ำและมีอัตราหรือโอกาสแพ้ชนะมากถึงเกือบ 50% แทบจะเท่ากับพวกเกมโยนหัวก้อย ด้วยเหตุนี้เลยทำให้มีนักเดิมพันต่างพากันคิดสูตรต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสชนะให้กับตัวเอง

สิ่งที่ทำให้บาคาร่ามีโอกาสแพ้ชนะมากกว่าเกมไพ่รูปแบบอื่นอย่างพวกโป๊กเกอร์ หรือแบล็คแจ็ค ก็เพราะมันเป็นการแข่งกันระหว่างฝั่งผู้เล่น (Player) กับฝั่งเจ้ามือ (Banker) ฝั่งไหนได้แต้มรวมจากไพ่ที่ดีลเลอร์แจกให้ใกล้เคียงกับ 9 แต้มมากที่สุดก็จะเป็นฝ่ายชนะ แม้จะเป็นการเดิมพันเพียงแค่สองฝั่งแต่มันก็เป็นเกมที่มีโอกาสที่จะออกผลเป็นเสมอได้เหมือนกัน จึงทำให้โอกาสแพ้ชนะของทั้งสองฝั่งสูงสุดแค่เกือบ 50%

ประกันภัยบาคาร่าคืออะไร

ประกันภัยบาคาร่าเป็นเหมือนอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้สำหรับลดความเสี่ยงที่จะเสียเดิมพันมากกว่าเดิม ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เหมือนกับประกันภัยในชีวิตจริงที่เราซื้อกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเสียเงิน ตัวประกันที่เราซื้อไว้จะมีหน้าที่จ่ายเงินทดแทนให้กับเรา ตรงกันข้ามหากเราไม่เกิดความสูญเสียอะไร เงินที่ซื้อประกันไว้ก็เหมือนทิ้งเปล่าทันที

สำหรับประกันภัยบาคาร่าจะแตกต่างตรงที่เราจะซื้อได้ก็ต่อเมื่อเกมตานั้นเข้าสู่ช่วงเรียกไพ่ใบที่ 3 และสามารถซื้อประกันภัยได้เฉพาะฝั่งที่เราวางเดิมพันไว้เท่านั้น เช่น ตานี้เราแทงเจ้ามือ หากในช่วงที่ดีลเลอร์เปิดให้ซื้อประกันแล้วเราไม่มั่นใจว่าเจ้ามือจะชนะ เราสามารถซื้อประกันไว้ได้ด้วยทุนประกันที่ไม่เกินจำนวนเงินเดิมพันที่วางไว้ ตรงนี้จะช่วยให้เราเสียเงินน้อยลง ว่าแต่จะเสียน้อยแค่ไหน จ่ายยังไง ไปดูตารางกันเลย

ตารางประกันภัยเจ้ามือ

การซื้อประกันภัยบาคาร่าฝั่งเจ้ามือจะเกิดขึ้นได้เฉพาะตาที่เราวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือเท่านั้น และต้องเป็นช่วงที่ฝั่งเจ้ามือจะเรียกไพ่ใบที่ 3 โดยเราจะต้องวางเงินเป็นจำนวนที่น้อยกว่าหรือเท่ากับเดิมพันที่วางไว้เพิ่มเข้าไปอีกต่างหาก ซึ่งการซื้อประกันจะส่งผลคือ หากฝั่งเจ้ามือแพ้ขึ้นมา เราจะเสียเดิมพันที่วางไว้ไปทั้งหมดแต่ว่าจะได้รับเงินทดแทนจากประกันที่ซื้อไว้ ซึ่งมีอัตราจ่ายที่แตกต่างกันไปตามแต้มไพ่ทั้งสองฝั่งดังนี้

อัตราจ่ายเงินทดแทนกรณีที่ซื้อประกันภัยบาคาร่าฝั่งเจ้ามือ

จากตารางตรงนี้สมมติว่าเราแทงเจ้ามือชนะ 100 บาท ฝั่งผู้เล่นมีแต้มรวมจากไพ่ 2 ใบอยู่ 3 แต้ม ส่วนเจ้ามือมีแต้มรวมจากไพ่ 2 ใบอยู่ 4 แต้ม ตามกฎแล้วฝั่งเจ้ามือจะได้เรียกไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ ตอนนี้เราไม่มั่นใจว่าเจ้ามือจะชนะเลยซื้อประกันบาคาร่าไป 60 บาท และผลที่ได้ก็คือฝั่งผู้เล่นชนะ ดังนั้นเราจะได้เงินทดแทนจากประกัน = (ทุนซื้อประกัน x อัตราจ่ายประกันภัย) + ทุนประกัน = (60 x 1.5) + 60 = 150 บาท

พอเอาเงินประกันที่ได้รับมาหักเดิมพันที่เสียไป 100 กับเงินที่ซื้อประกันอีก 60 บาท เท่ากับว่าตานี้เราเสียเงินไป 150 – 160 = -10 บาท หรือก็คือเสียเงินไปแค่ 10 บาทนั่นเอง ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะมาก ๆ ลดความเสียหายได้มากถึง 10 เท่า คราวนี้ไปดูเงื่อนไขของทางฝั่งผู้เล่นกันบ้าง

ตารางประกันภัยผู้เล่น

วิธีการซื้อประกันภัยบาคาร่าฝั่งผู้เล่นก็จะมีขั้นตอนและเงื่อนไขเดียวกับฝั่งเจ้ามือ คือซื้อได้เฉพาะตอนที่ฝั่งผู้เล่นจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เท่านั้น ส่วนอัตราจ่ายและเงื่อนไขจะแตกต่างกันไปดังนี้

อัตราจ่ายเงินทดแทนกรณีที่ซื้อประกันภัยบาคาร่าฝั่งผู้เล่น

คราวนี้เราลองมาดูเหตุการณ์ทางฝั่งผู้เล่นกันบ้าง สมมติว่าเราแทงฝั่งผู้เล่นชนะไป 100 บาท ตอนนี้ฝั่งผู้เล่นมีแต้มรวม 8 แต้มจากไพ่ 3 ใบ ฝั่งเจ้ามือมีอยู่ 6 แต้มจากไพ่ 2 ใบ เราคิดว่าอีกฝั่งต้องชนะแน่ ๆ เลยซื้อประกัน 100 บาท และก็เป็นฝั่งเจ้ามือที่ชนะ เมื่อเทียบกับตารางแล้วประกันจะต้องจ่ายเงินให้เรา 8 เท่าของทุนประกัน เท่ากับว่าเราเสียเงินเดิมพัน 100 บาท แต่จะได้รับเงินทดแทนมากถึง 800 บาท หักเงินประกันกับเดิมพันที่เสียไปเหลือกำไรมากถึง 700 บาทเลยทีเดียว

ประกันบาคาร่าดีหรือไม่

ก็เห็นตัวอย่างกันไปแล้วทั้งสองเหตุการณ์เชื่อว่าผู้อ่านคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าจะซื้อประกันดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงแม้จะเป็นการซื้อประกันภัยบาคาร่าก็ตาม ดังนั้นศึกษาให้ดี วิเคราะห์ข้อมูลให้ถี่ถ้วน แล้วจะรู้ว่าจังหวะไหนตอนไหนที่เราควรซื้อหรือจะปล่อยผ่านไปดี แต่ที่แน่ ๆ โอกาสดี ๆ อย่างนี้บนโต๊ะบาคาร่าก็ไม่ได้มีมาให้บ่อยแน่นอน

เมื่อพูดถึงสูตรบาคาร่าคนส่วนมากมักจะคิดว่าเกี่ยวกับการลงเงินทุน ที่จริงแล้วสูตรบาคาร่ามีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ก็คือ สูตรเล่นบาคาร่า กับสูตรเดินเงินบาคาร่า ซึ่งแต่และสูตรก็จะมีความแตกต่างกันไปดังนี้

สูตรเล่นบาคาร่า คืออะไร

สูตรเล่นบาคาร่า เป็นสูตรที่เน้นทำกำไรโดยอาศัยจังหวะในการวางเดิมพัน ไม่มีการไปคิดคำนวณว่าตาไหนจะต้องวางเงินกี่บาท โดยทั่วไปแล้วสูตรเล่นบาคาร่าที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 2 แบบใหญ่ ๆ คือ

สูตร 4 in 1

หรือที่เรียกกันว่าสูตรเหมารวม สูตรนี้จะช่วยให้ทำกำไรได้ในระยะยาว วิธีนี้จะช่วยให้นั่งเล่นได้นานเท่าที่ต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่า House Edge หลักการคือเราจะดูจากเค้าไพ่ที่เป็นสถิติย้อนหลังในการออกไพ่ว่าอยู่ในรูปแบบใบ โดยเค้าไพ่หลัก ๆ ที่ใช้จะมีอยู่ 4 แบบ คือ

• เค้าออกติด เราจะดูที่การออกไพ่ 2 ครั้งล่าสุดว่าเป็นแบบไหน ถ้าออกฝั่งผู้เล่น 2 รอบติดกัน หรือเจ้ามือ 2 ตาซ้อน อันนี้เราเรียกว่าไพ่ติด ถ้าเจอไพ่ออกมาในรูปแบบนี้ให้วางเดิมพันฝั่งเดียวกับสองครั้งล่าสุดนี้ต่อไป สมมติว่ามันออกฝั่งเจ้ามือมาแล้วสองครั้ง ครั้งต่อไปเราแทงเจ้ามือตามไปได้เลย
• เค้าออกสลับ ให้ดูการออกไพ่ 3 ครั้งล่าสุด ถ้าออกสลับกันเช่น ผู้เล่น เจ้ามือ ผู้เล่น หรือ เจ้ามือ ผู้เล่น เจ้ามือ ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าเป็นเค้าไพ่สลับ เวลาวางเดิมพันให้แทงฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่ออกครั้งสุดท้าย สมมติว่าออก เจ้ามือ ผู้เล่น เจ้ามือ ตาต่อไปเราแทง ผู้เล่น รอไว้ได้เลย
• เค้าสองสลับหนึ่ง วิธีการดูคือให้ดูที่เค้าไพ่ 3 ตาล่าสุด ถ้าไพ่ออกมาเป็น เจ้ามือ เจ้ามือ ผู้เล่น หรือ ผู้เล่น ผู้เล่น เจ้ามือ ลักษณะนี้เราเรียกว่า สองสลับหนึ่ง ตาต่อไปให้แทงฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่ชนะในตาล่าสุด สมมติว่าออก เจ้ามือ เจ้ามือ ผู้เล่น ครั้งต่อไปเราจะแทง เจ้ามือ
• เค้าสลับสอง ลักษณะจะคล้ายกับสลับหนึ่ง ต่างกันตรงที่มันจะออกฝั่งเดียวกันสองตาติดแล้วค่อยสลับไปออกอีกฝั่งสองตาติด เช่น เจ้ามือ เจ้ามือ ผู้เล่น ผู้เล่น ถ้าเราเจอไพ่ออกรูปแบบนี้รอบต่อไปให้แทง เจ้ามือ

สูตรเป่าจินจง

เป็นอีกสูตรบาคาร่าที่ถูกคิดค้นโดยนักพนันชาวจีน โดยหลักการแล้วสูตรนี้จะดูแค่ว่า

• ฝั่งไหนก็ตามถ้าชนะด้วยไพ่ 2 ใบ ครั้งต่อไปให้วางเดิมพันฝั่งผู้เล่นเท่านั้น
• ฝั่งไหนชนะด้วยไพ่ 3 ใบ ครั้งต่อไปให้แทงฝั่งเจ้ามือเท่านั้น

สูตรเดินเงิน คืออะไร

สูตรเดินเงินจะมีความแตกต่างจากสูตรเล่นบาคาร่าตรงที่สูตรนี้จะเป็นการโฟกัสไปที่การวางเงินเดิมพันเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเงินทุน, การทำกำไร รวมถึงการตามเงินทุนที่เสียไปกลับคืนมา ที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 3 สูตรหลัก ๆ คือ

สูตรเดินเงินคงที่

เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่มือใหม่ เพียงแค่เอาเงินทุนที่มีทั้งหมดมาเฉลี่ยออกเป็นกองละเท่า ๆ กัน จะแพ้หรือชนะก็จะวางเดิมพันเท่าเดิม จึงเหมาะกับการใช้คู่กับสูตร 4 in 1 สมมติว่าเรามีเงินอยู่ 1,000 บาท เราว่าจะแทงรอบละ 100 เท่ากับว่าด้วยเงินที่มีอยู่เราจะสามารถเล่นได้ทั้งหมด 10 ครั้ง ถ้าดวงดีฝีมือได้ชนะรวดเดียว 10 ตาก็จะได้กำไรกลับมา 10 หน่วย วิธีนี้จึงค่อนข้างเหมาะกับคนงบน้อยอย่างยิ่ง

สูตร Martingale

หรือที่เรียกว่าสูตรแทงทบ สูตรนี้เวลาแพ้รอบต่อไปเราจะวางเดิมพันเป็นสองเท่าของรอบล่าสุด จาก 1 เป็น 2, 4, 8 และ 16 แต่เราจะจำกัดระยะแทงทบไว้ที่ 5 ไม้ หรือก็คือแทงทบไปไม่เกิน 5 ครั้ง ถ้าหมดไม้แล้วยังไม่ได้คืนให้หยุดก่อน หรือจะกลับไปเริ่มหนึ่งใหม่ก็ได้ แต่ถ้าได้ก่อนจะถึงไม้ 5 ก็ให้หยุดทันที

อย่างไรก็ตามสูตรนี้ถ้าเราสามารถชนะได้ใน 5 ไม้ เงินที่เราเสียไปจะได้กลับคืนมาทั้งหมดบวกกับกำไรอีก 1 หน่วยเป็นของแถม แต่มันก็มีข้อควรระวังคือถ้าเราต้องการใช้สูตรนี้จำเป็นต้องมีทุนอยู่ 100 หน่วย คือถ้าเล่นรอบละ 100 บาท ก็จำเป็นต้องมีทุนสัก 10,000 แต่ถ้ามีไม่ถึงอย่างน้อยขอให้มีสัก 50 หน่วยหรือ 5,000 บาทก็ยังดี เพื่อที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการใช้สูตรนั่นเอง

สูตร Super Martingale

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสูตรโกงตายที่มีความคล้ายกับ Martingale ตรงที่มีระยะ 5 ไม้เหมือนกัน แต่ทุนที่จะใช้มีมากกว่าเป็นแบบทบ+1 คือ 1 เป็น 3, 7, 15 และ 31ถ้าหากเราสามารถชนะได้ในไม้ที่ 5 นอกจากทุนที่เสียไปจะได้กลับคืนมาแล้วยังจะได้กำไรคืนมาอีก 5 ไม้ แต่นั่นก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

บาคาร่าเล่นยังไง

ถึงแม้ว่าบาคาร่าแต่ละแบรนด์แต่ละโต๊ะจะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีกติกาพื้นฐานที่เหมือนกันอยู่ ดังนั้นใครที่ไม่เคยเล่นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ได้ เพราะวิธีเล่นนั้นทำได้ง่าย ๆ ใน 4 ขั้นตอน เพียงแค่

1. วางชิปเดิมพันเพื่อทายว่าฝั่งไหนจะชนะระหว่างเจ้ามือกับผู้เล่น หรือจะทายผลอย่างอื่นก็ได้ ซึ่งจะมีเวลาให้ประมาณ 20-25 วินาที
2. รอดีลเลอร์แจกไพ่ให้ครบทั้งสองฝั่งแล้วเปิดไพ่เพื่อวัดแต้ม
3. หากฝั่งไหนได้แต้ม 8 – 9 แต้ม ก็จะถือว่าชนะทันที หากแต้มเท่ากันถือว่าเสมอ
4. หากมีฝั่งไหนได้แต้มน้อยกว่า 5 แต้ม จะมีการจั่วไพ่ใบที่สาม ซึ่งกติกานี้ดีลเลอร์จะเป็นคนดูแลให้ เพราะมีความซับซ้อนมาก บางครั้งอาจจั่วเพิ่มแค่ฝั่งเดียว บางครั้งอาจจั่วให้ทั้งสองฝั่ง ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนโกง

บาคาร่าจ่ายยังไง

พื้นฐานการจะทำกำไรกับบาคาร่าก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าวางเดิมพันตรงไหนถึงจะได้กำไรคุ้มความเสี่ยง ซึ่งในแต่ละตำแหน่งก็จะให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกันไปดังนี้

1. แทงฝั่งผู้เล่น ถ้าชนะจะได้รับอัตราจ่าย 1 : 1 ไม่รวมทุน
2. แทงฝั่งเจ้ามือ ถ้าชนะจะได้รับอัตราจ่าย 1 : 0.95 ไม่รวมทุน
3. แทงเสมอ ถ้าผลออกมาเสมอ จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 8 ไม่รวมทุน
4. แทงไพ่คู่ผู้เล่น ถ้าไพ่สองใบแรกฝั่งผู้เล่นออกมาแต้มเหมือนกัน จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 11 ไม่รวมทุน
5. แทงไพ่คู่เจ้ามือ ถ้าไพ่สองใบแรกฝั่งเจ้ามือออกมาแต้มเหมือนกัน จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 11 ไม่รวมทุน
6. แทงไพ่คู่สองฝั่ง ถ้าไพ่สองใบแรกของทั้งสองฝั่งออกไพ่คู่ จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 25 ไม่รวมทุน
7. แทงไพ่คู่แบบไม่เลือกฝั่ง หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ไพ่คู่ จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 5 ไม่รวมทุน
8. แทงต่ำ เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะไม่ได้จั่วไพ่ใบที่ 3 หากจบด้วยไพ่สองใบ จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 5
9. แทงสูง เป็นการทายว่าจะจบเกมด้วยการจั่วไพ่ใบที่ 3 จะได้รับอัตราจ่าย 1 : 54 ไม่รวมทุน

5 เคล็ดลับบาคาร่า ที่จะช่วยให้ไม่กำไรทิพย์

ปัญหาที่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าต่างก็ต้องได้เจอกันคงไม่พ้นเรื่องได้แล้วเสียคืนให้กับคาสิโน เพราะตามหลักการแล้วยิ่งเราเล่นนานมากแค่ไหน ต่อให้ชนะและได้เงินรางวัลมากเพียงใด ทางฝั่งคาสิโนเองก็จะได้เปรียบเรามากขึ้นเรื่อย ๆ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือในระยะยาวแล้วไม่มีใครเอาชนะคาสิโนได้แน่นอน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคาสิโนถึงไม่เคยเจ๊ง แต่ถ้าไม่อยากกำไรทิพย์ล่ะก็ เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้มีกำไรได้แน่นอน

เคล็ดลับที่ 1 อย่าจริงจังกับเกมจนเกินไป

การมีสมาธิกับเกมเป็นเรื่องดีก็จริง แต่การที่เราจริงจังกับมันมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลเสียเช่นกัน โดยเฉพาะความเครียดสะสมที่จะทำให้เราตัดสินใจแบบไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือควรสังเกตตัวเองด้วยว่ารู้สึกตึงเครียดหรือเหนื่อยล้าไหม ถ้ามีก็หยุดก่อน อย่าไปสนใจว่ากำลังเล่นได้หรือเสีย ไม่ว่าอย่างไรหากฝืนเล่นต่อไปก็ต้องเสียให้คาสิโนแน่นอน

เคล็ดลับที่ 2 ให้เวลาเล่นที่จำกัด

หลายคนพลาดเพราะคิดว่าเล่นบาคาร่าเพื่อผ่อนคลาย ไม่ก็เล่นตอนที่ว่าง แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่นักเดิมพันมืออาชีพมีเหมือนกันก็คือให้เวลาเล่นที่จำกัดไว้อย่างชัดเจน พวกเขาจะรู้ว่าในแต่ละวันจะเล่นกี่ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความเครียดความเหนื่อยล้าจนทำให้การคิดและตัดสินใจผิดพลาด ปกติแล้วมักจะเล่นกันไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้งถือว่ากำลังดี นอกจากนี้ยังสร้างวินัยที่ดีให้กับตัวเองด้วย

เคล็ดลับที่ 3 ใช้สูตรช่วยทำกำไรเสมอ

สำหรับนักพนันมือฉกาจแล้ว การพนันไม่ใช่เรื่องของดวง แต่เป็นการฉกฉวยโอกาสทำกำไรเมื่อจังหวะมาถึง ดังนั้นพวกเขาจะมีสูตรมากมายไว้เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำกำไรระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรช่วยเล่นหรือสูตรเดินเงิน เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าในระยะยาวแล้วไม่มีใครเอาชนะคาสิโนได้ และการเล่นโดยไม่ใช่สูตรก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนักแม้จะความเสี่ยงต่ำแต่มันก็ยากที่จะทำกำไร

เคล็ดลับที่ 4 มีแผนการเงินที่ชัดเจน

ช่วงแรก ๆ ที่หัดเล่นบาคาร่าเราอาจมองว่านี่คือการพนัน แต่เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นจะรู้ว่านี่คือการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยงไม่แพ้กับการทำธุรกิจหรือการซื้อขายหุ้น การมีแผนการเงินที่ชัดเจนจะช่วยให้มีแนวทางการเล่นอย่างถูกต้อง เช่น มีเงินทุนอยู่ 10,000 บาท ต้องการกำไร 3,000 บาท ในการเล่นแต่ละรอบ และยอมขาดทุนได้แค่รอบละ 1,000 บาท ดังนั้นไม่ว่าจะเล่นได้หรือเสียหากว่ามันตรงกับเงื่อนไขในแผนที่วางไว้ก็ต้องหยุดทันที หากได้กำไรก็จะช่วยให้เราไม่กำไรทิพย์ แต่ถ้าเสียอย่างน้อยมันก็ช่วยปกป้องเงินทุนเอาไว้ให้มีใช้เล่นรอบต่อไป

เคล็ดลับที่ 5 ไม่ใช้อารมณ์ในการเล่น

ทุกการตัดสินใจย่อมมีเหตุและผลเสมอ นี่คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ได้กำไรอย่างแท้จริง บรรดาเซียนพนันต่างเห็นตรงกันว่าสาเหตุที่ทำให้เล่นเสียก็เพราะว่าใช้อารมณ์เล่น เช่น พอเล่นได้เงินแล้วก็รู้สึกว่าดวงกำลังมาเล่นจนเลยเป้าที่ตั้งไว้ สุดท้ายก็ต้องเสียคืนให้คาสิโน หรือหากเล่นเสียก็คิดจะเอาคืน ยิ่งแทงทบก็ยิ่งทุนหาย สุดท้ายชนเพดานทบไม่ได้อีก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเล่นไปโดยไม่ต้องใส่อารมณ์ดีที่สุด

มาถึงตรงนี้คงเห็นกันแล้วว่าการทำกำไรจากบาคาร่าไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย ขอเพียงแค่เข้าใจพื้นฐานการวางเดิมพันว่าตรงไหนได้คุ้มเสี่ยง นอกจากนี้ก็ต้องมีเคล็ดลับติดไม้ติดมือเอาไว้ด้วย อย่างน้อยระหว่างที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเวลาล้มจะได้เจ็บน้อยกว่าใครที่เล่นแบบเอาแต่ใจอย่างเดียว หากใครผ่านจุดนี้ไปได้บอกเลยว่าการจะเล่นบาคาร่าเป็นอาชีพเสริมนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย