เสือมังกรออนไลน์ คืออะไร

ก่อนจะไปเรียนเทคนิคหรือวิธีทำกำไรกับไพ่ชนิดนี้ เข้าใจว่าไพ่เสือมังกรมีความคล้ายกับบาคาร่ามาก ๆ เนื่องจากไพ่บาคาร่ามีกฎที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะกฎไพ่ใบที่ 3 ที่มีเงื่อนไขชวนงงและทำให้ผู้เล่นมือใหม่คิดว่าโดนคาสิโนโกงมากที่สุด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาคาสิโนกัมพูชาก็เลยตัดปัญหาด้วยการเหลือไพ่แค่ฝั่งละ 1 ใบพอ แล้วก็ใช้แต้มหน้าไพ่วัดแพ้ชนะกันไปเลย ด้วยความง่ายตรงนี้ทำให้กลายเป็นไพ่เสือมังกรที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย

วิธีนับแต้มไพ่และการตัดสินผล

ในการเล่นเสือมังกรแต่ละรอบจะมีการใช้ไพ่มากพอ ๆ กับบาคาร่า แต่การนับแต้มไพ่ก็ไม่ได้ยุ่งยาก เพราะเกมนี้ใช้แต้มหน้าไพ่โดยให้

• ไพ่ A มีค่า 1 แต้ม
• ไพ่ 2-10 มีค่าตามตัวเลขหน้าไพ่
• ไพ่ J มีค่า 11 แต้ม
• ไพ่ Q มีค่า 12 แต้ม
• ไพ่ K มีค่า 13 แต้ม

ส่วนการตัดสินผลแพ้ชนะจะดูแค่ว่าฝั่งไหนได้แต้มมากกว่าก็ชนะ เท่านั้นเอง

อัตราจ่ายเสือมังกร

            พอเห็นว่าเป็นเกมที่ใช้ไพ่ใบเดียวเล่นแล้ว บางคนอาจคิดว่าเกมนี้ต้องได้อัตราจ่ายน้อยกว่าบาคาร่าแน่ ๆ แต่ที่จริงแล้วเสือมังกรมีอัตราจ่ายและรูปแบบการวางเดิมพันที่หลากหลาย โดยทั่วไปจะมีอยู่ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ดังนี้

1. แทงมังกร เป็นการทายว่าฝั่งมังกรจะเป็นฝ่ายชนะ อัตราจ่าย 1 : 1 ไม่รวมทุน
2. แทงเสือ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะเป็นฝ่ายชนะ อัตราจ่าย 1 : 1 ไม่รวมทุน เช่นกัน
3. แทงเสมอ เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มเท่ากัน อัตราจ่าย 1 : 8 ไม่รวมทุน
4. แทงเสือคู่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะมีหน้าไพ่เป็นแต้มคู่ อัตราจ่าย 1 : 1.05 ไม่รวมทุน
5. แทงเสือคี่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะมีหน้าไพ่เป็นแต้มคี่ อัตราจ่าย 1 : 0.75 ไม่รวมทุน
6. แทงมังกรคู่ เป็นการทายว่าฝั่งมังกรจะมีหน้าไพ่เป็นแต้มคู่ อัตราจ่าย 1 : 1.05 ไม่รวมทุน
7. แทงมังกรคี่ เป็นการทายว่าฝั่งมังกรจะมีหน้าไพ่เป็นแต้มคี่ อัตราจ่าย 1 : 0.75 ไม่รวมทุน

วิธีเล่นเสือมังกร

            วิธีการเล่นเสือมังกรนั้นก็จะมีความคล้ายกับการเล่นบาคาร่าตรงที่เราจะต้องเลือกโต๊ะที่ต้องการเล่นก่อน ซึ่งแต่ละโต๊ะจะมีขีดจำกัดในการวางเดิมพันที่แตกต่างกันไป เมื่อเลือกโต๊ะได้แล้วที่เหลือก็เพียงแค่วางเดิมพันในตำแหน่งที่ต้องการ ในแต่ละตาเราสามารถวางได้มากกว่า 1 ตำแหน่ง โดยจะมีเวลาให้ประมาณ 20-25 วินาที หากหมดเวลาแล้วก็ต้องรอเล่นตาต่อไป

หลังจากที่วางเดิมพันไปแล้วอย่าลืมกดยืนยันด้วย ตรงนี้หลายคนพลาดมากเลยชวดโอกาสทำกำไรกันไปอย่างน่าเสียดาย แต่ว่าหลังจากที่ยืนยันไปแล้วก็ไม่สามารถยกเลิกได้เช่นกัน ดังนั้นต้องดูให้ดีว่ายอดเดิมพันที่วางลงไปถูกต้องหรือไม่

เมื่อหมดเวลารับเดิมพันแล้วดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ให้ฝั่งละ 1 ใบ โดยเริ่มจากฝั่งเสือก่อนแล้วตามด้วยมังกร เมื่อครบแล้วจึงทำการเปิดไพ่เพื่อวัดแต้มกัน

เทคนิคทำกำไร มือใหม่ก็ทำได้

            เห็นเป็นเกมที่เล่นง่ายจบเกมไวแบบนี้ มือใหม่อาจหวั่นใจว่าคงทำกำไรยาก ไม่ก็ต้องเสียเงินคืนให้กับคาสิโนแน่ ๆ แต่ที่จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเล่นทุกตาติด ๆ กันก็ได้ ขอเพียงแค่ใช้เทคนิคเหล่านี้ก็สามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ

เน้นแทงเลขคี่

บางคนอาจลืมไปว่าไพ่ 1 สำรับมีอยู่ทั้งหมด 52 ใบ ในนั้นมีเลขคี่มากถึง 28 ใบ ขณะที่เลขคู่มีเพียง 24 ใบ หมายความว่ามีโอกาสที่จะออกไพ่คี่มากกว่า ทีนี้เราก็ใช้เทคนิคนับไพ่เข้ามาช่วยโดยเริ่มนับตั้งแต่ตาแรกที่เริ่มต้นหรือของเกม แล้วดูสถิติไปว่าออกคู่ไปกี่ใบ และคี่กี่ใบ เมื่อครบ 20 ตา หากไพ่คู่ออกมากกว่าไพ่คี่ไม่ต่ำกว่า 10 ใบ ตาต่อไปก็แทงเลขคี่ยาว ๆ กันได้เลย แม้ว่าจะมีอัตราจ่ายที่น้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสชนะมากกว่าด้วย

เน้นแทงฝั่งเดิมซ้ำ ๆ

เทคนิคนี้จะคล้ายกับการเล่นหางมังกรของบาคาร่า คือถ้ามีจังหวะที่ไพ่ออกฝั่งใดฝั่งหนึ่งซ้ำ ๆ กันสัก 5 ตา ในตาที่ 6 ให้วางเดิมพันฝั่งนั้นได้เลย และแทงตามเรื่อย ๆ จนกว่าไพ่จะไปออกอีกฝั่ง

แทงสลับบ้าง

หรือที่เขาเรียกกันว่าสูตรปิงปอง คือการแทงสลับไปมาเหมือนการตีปิงปอง แต่การจะใช้เทคนิคนี้ได้ต้องรอให้ไพ่ออกแบบปิงปองเสียก่อน เช่น เสือ มังกร เสือ มังกร เสือ มังกร ถ้าออกแบบนี้ตาต่อไปแทงเสือได้เลย และแทงด้วยวิธีเดียวกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าไพ่จะเริ่มออกฝั่งเดียวกัน

รอเล่นแค่ไพ่ใหญ่

เทคนิคนี้จะเป็นการใช้หลักสถิติทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย โดยไพ่ 1 สำรับ จะมีตัวเลขเล็ก (1-9) 36 ตัว และใหญ่ 16 ตัว เมื่อเทียบกันจะได้อัตราส่วน 2.3 : 1 หากครั้งไหนออกไพ่เล็กติดกัน 5 ครั้ง ในครั้งที่ 6 หรือหลังจากนี้มีโอกาสมากที่จะออกไพ่ใหญ่ ดังนั้นควรวางเดิมพันฝั่งที่มีการออกไพ่เล็กติดกัน 5 ตา

                เสือมังกร ชื่อนี้สำหรับใครที่เป็นมือใหม่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก บางคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่านี่คือไพ่บาคาร่า หรืออาจคิดว่านี่เป็นบาคาร่าอีกรูปแบบหนึ่ง แท้จริงแล้วนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่าเท่านั้น แต่ว่ามันมีความง่ายกว่ามาก กติกาก็ไม่ซับซ้อน ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบเล่นบาคาร่า ว่าแต่เสือมังกรคืออะไร เล่นยังไง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่าครับ

เสือมังกรคืออะไร

เสือมังกร หรือ Tiger & Dragon เป็นเกมไพ่อีกรูปแบบหนึ่งที่มีความคล้ายคลึงกับบาคาร่า ทว่าความพิเศษของเกมนี้คือจบเกมไวด้วยไพ่ใบเดียว เนื่องจากจุดกำเนิดของไพ่ชนิดนี้เริ่มต้นที่ค่ายทหารในช่วงยุคสงครามเวียดนาม แน่นอนว่าท่ามกลางสงครามแบบนั้นการจะหาไพ่หลายสำรับ หรือเกมที่มีกติกาซับซ้อนมาเล่นก็คงจะไม่ทันกิน ดังนั้นการเล่นเสือมังกรจึงค่อนข้างที่จะตอบโจทย์

สิ่งที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเสือมังกรกับบาคาร่าคือเกมเดียวกันก็คือ ฝั่งเดิมพันที่มีให้เล่นกัน 2 ฝั่ง 3 รูปแบบ ได้แก่ การแทงฝั่งเสือ, แทงฝั่งมังกร และแทงเสมอ แต่ความแตกต่างของเกมนี้คือจะแจกไพ่แค่ฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น ฝั่งไหนได้แต้มมากกว่าก็ชนะทันที หากเท่ากันก็ถือว่าเสมอ ไม่มีการจั่วไพ่เพิ่มแต่อย่างใด นั่นทำให้เสือมังกรสามารถจบเกมแต่ละตาได้ในเวลาประมาณ 25 วินาทีเท่านั้น

เสือมังกรนับแต้มอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนเล่นเสือมังกรเลยก็คือวิธีการนับแต้มที่มีความแตกต่างจากบาคาร่า โดยไพ่ทุกใบของจะมีแต้มที่แตกต่างกันไป ส่วนดอกไพ่ไม่ส่งผลต่อการแพ้ชนะ สำหรับแต้มไพ่แต่ละใบจะมีค่าดังนี้

• ไพ่ A มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม
• ไพ่ 2 – 10 มีค่าเท่ากับหมายเลขที่แสดงบนหน้าไพ่
• ไพ่ J มีค่าเท่ากับ 11 แต้ม
• ไพ่ Q มีค่าเท่ากับ 12 แต้ม
• ไพ่ K มีค่าเท่ากับ 13 แต้ม

กติกาและการวางเดิมพัน

สำหรับกติกาการเล่นและรูปแบบการวางเดิมพันของเสือมังกรจะมีอยู่ทั้งหมด 7 รูปแบบ คือ

1. มังกร

เป็นการวางเดิมพันเพื่อทายว่าฝั่งมังกรจะเป็นฝ่ายได้แต้มมากกว่า สมมติว่า เราแทงมังกรแล้วได้ 10 แต้ม เสือออก 8 แต้ม ก็ถือว่าเราชนะเดิมพันทันที

2. เสือ

รูปแบบการวางเดิมพันจะเหมือนกับการแทงมังกร เพียงแค่เปลี่ยนมาเป็นแทงเสือเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่เราแทงเสือแล้วเสือได้แต้มมากกว่า ก็จะถือว่าชนะเดิมพันในตานั้น

3. เสมอ

เป็นการทายว่าทั้งฝั่งมังกรและฝั่งเสือจะได้แต้มออกมาเท่ากัน หากเราแทงฝั่งเสมอแล้วผลออกมาคือเสือกับมังกรได้แต้มเดียวกัน ก็จะชนะเดิมพัน คว้าเงินรางวัลไปทันที

4. มังกรคี่

การวางเดิมพันรูปแบบนี้เราจะชนะก็ต่อเมื่อฝั่งมังกรได้ไพ่ที่มีแต้มคี่เท่านั้น โดยไม่สนใจว่าตานั้นจะแพ้หรือชนะ สมมติว่าแทงมังกรคี่ ฝั่งมังกรได้ 3 แต้ม ฝั่งเสือ 6 แต้ม แม้ว่าฝั่งมังกรจะแพ้แต่ก็ถือว่าเราชนะเดิมพันเพราะฝั่งมังกรออกแต้มคี่นั่นเอง

5. มังกรคี่

รูปแบบการวางเดิมพันในตำแหน่งนี้จะมีเงื่อนไขคล้ายกับมังกรคี่ แตกต่างกันตรงที่เราจะชนะเดิมพันได้ก็ต่อเมื่อฝั่งมังกรออกแต้มคู่เท่านั้น ไม่จำเป็นว่าต้องออกเลขใดเลขหนึ่ง เช่น แทงมังกรคู่ หากฝั่งมังกรได้แต้ม 2, 4, 6, 8, 10 หรือ Q ก็ถือว่าชนะทันที

6. เสือคี่

เป็นการทายว่าตานั้นฝั่งเสือจะได้ไพ่ที่มีแต้มคี่ เช่น 1, 3, 5, 9, J หรือ K โดยฝั่งเสือเองไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายชนะในตานั้นก็ได้ ขอแค่ออกแต้มคี่ตามที่เราแทงไว้ก็ถือว่าชนะเดิมพันเช่นกัน

7. เสือคู่

เป็นการแทงว่าตาดังกล่าวฝั่งเสือจะออกแต้มคู่คล้ายกับการแทงมังกรคู่ ในกรณีนี้หากฝั่งเสือออกแต้มคู่จริง เราก็จะเป็นฝ่ายชนะเดิมพัน

กติกาพิเศษ

เนื่องจากเสือมังกรใช้แต้มไพ่ทั้งหมด 13 แต้ม ทำให้การแบ่งฝั่งคู่และคี่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ จึงมีกติกาขึ้นมาคือเมื่อใดก็ตามที่ไพ่ออก 7 ผู้เล่นจะถูกปรับแพ้เดิมพันทันที

อัตราจ่ายเสือมังกร

ได้รู้จักกับรูปแบบการวางเดิมพันกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูอัตราจ่ายในแต่ละตำแหน่งกันบ้างว่าเขาจ่ายกันอย่างไร จะได้เอาไปประเมินความเสี่ยงและวางแผนการเดิมพันกันดู

1. มังกร

อัตราจ่ายในกรณีที่ชนะเดิมพันจะอยู่ที่ 1 : 1 แทง 100 บาท ได้กำไรอีก 100 บาท แต่ถ้าผลออกมาเป็นเสมอจะเสียครึ่งหนึ่ง แทง 100 บาท เสีย 50 บาท

2. เสือ

อัตราจ่ายในตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 1 : 1 เช่นกัน คือแทง 100 บาท ถ้าชนะจะได้เงินกลับมา 200 บาท รวมทุน หากผลออกมาเป็นเสมอจะได้รับเงินเดิมพันคืนกลับมาครึ่งหนึ่งเช่นกัน

3. เสมอ

อัตราจ่ายในฝั่งเสมอนั่นจะมากถึง 1 : 8 แทงแค่ 100 บาท ถ้าชนะจะได้กำไรกลับมา 800 บาท รวมเป็น 900 บาท แต่ถ้าผลออกมาเป็นฝั่งเสือหรือมังกรชนะ ก็จะเสียเดิมพันเต็มจำนวน

4. มังกรคี่

อัตราจ่ายฝั่งนี้จะอยู่ที่ 1 : 0.75 เท่านั้น เนื่องจากมีโอกาสออกรางวัลสูง หากแทงที่ 100 แล้วทายถูกก็จะได้กำไร 75 บาท นั่นเอง

5. มังกรคี่

อัตราจ่ายตำแหน่งนี้คือ 1 : 1.05 หากแทงด้วยเงิน 100 บาท จะได้รับกำไร 105 บาท

6. เสือคี่

สำหรับตำแหน่งนี้อัตราจ่ายจะเท่ากับมังกรคี่ คือ 1 : 0.75 แทงไป 100 บาท ถ้าชนะก็จะได้เงินกลับมา 175 บาท รวมทุน

7. เสือคู่

อัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 : 1.05 เท่ากับมังกรคู่ ดังนั้นหากแทงด้วยเงิน 100 บาท ก็จะได้เงิน 205 บาท รวมทุนเช่นกัน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการเล่นเสือมังกรที่เราเอามาแบ่งปันกันในบทความนี้ จะเห็นได้ว่ากติกาไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย ตำแหน่งวางเดิมพันก็น้อยกว่า อีกอย่างไม่ต้องมาเสียเวลาลุ้นจั่วไพ่ใบที่สามเหมือนบาคาร่าอีกด้วย และที่น่าสนใจก็คือเกมนี้เราสามารถนำทริครวมถึงสูตรเดินเงินต่าง ๆ ของบาคาร่ามาใช้ได้อีกด้วย เพียงเท่านี้เราก็สามารถสนุกและทำกำไรได้ง่าย ๆ ไปกันยาว ๆ