บาคาร่า คืออะไร

บาคาร่า เป็นเกมไพ่รูปแบบหนึ่งที่มีความเรียบง่ายคล้ายกับป๊อกเด้งในบ้านเรา การวางเดิมพันพื้นฐานจะมีเพียงแค่ฝั่งผู้เล่น, เจ้ามือ และเสมอ โดยนักเดิมพันจะต้องวางเดิมพันลงไปเพื่อทายว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร จากนั้นดีลเลอร์จึงจะแจกไพ่ให้ฝั่งละ 2 ใบ ก่อนจะเปิดหน้าไพ่เพื่อรวมแต้ม หากเข้าเงื่อนไขก็จะมีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเข้ามา

วิธีนับแต้มบาคาร่า

ในเกมบาคาร่าจะมีการนับแต้มคล้ายกับป๊อกเด้งคือ 2-9 แต้ม โดยไพ่แต่ละใบจะมีแต้มดังนี้

• ไพ่ 10, J, Q และ K ถือว่าเป็นไพ่ไม่มีแต้ม
• ไพ่ 2-9 จะมีจำนวนแต้มเท่ากับเลขที่อยู่บนหน้าไพ่
• ไพ่ A จะมีแต้มน้อยที่สุดคือ 1 แต้ม

วิธีการนับแต้มไพ่บาคาร่าจะเอาแต้มไพ่แต่ละใบมารวมกันแล้วตัดหลักสิบทิ้งไป เช่น

• ไพ่ 9 กับ 6 รวมแล้วได้ 15 แต้ม จะถือว่าได้แค่ 5 แต้ม
• ไพ่ A กับ 5 รวมกันแล้วจะได้ 6 แต้ม
• ไพ่ A กับ 9 รวมกันแล้วได้ 10 แต้ม จะถือว่ามีแค่ 0 แต้ม

19 วิธีแทงบาคาร่าและอัตราจ่าย

มาถึงหัวข้อสำคัญของเรากันบ้าง ทีนี้เราจะไปดูกันว่าแท้จริงแล้วบนโต๊ะบาคาร่าออนไลน์เราสามารถวางเดิมพันได้ในตำแหน่งไหนบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอยู่ด้วยกัน 19 ตำแหน่งดังนี้

1. ฝั่งผู้เล่น เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ กำไรที่จะได้รับเมื่อชนะเดิมพันคือ 1 เท่าไม่รวมทุน
2. ฝั่งเจ้ามือ เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะในตานั้น กำไรที่ได้หลังจากชนะเดิมพันคือ 95 เท่าไม่รวมทุน
3. เสมอ เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มรวมเท่ากัน สำหรับเงินรางวัลจะอยู่ที่ 8 เท่าไม่รวมทุน
4. ไพ่คู่ฝั่งผู้เล่น เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะได้ไพ่สองใบแรกหน้าเดียวกัน ทายถูกจะได้กำไรถึง 11 เท่า
5. ไพ่คู่ฝั่งเจ้ามือ เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะได้ไพ่หน้าเดียวกันทั้งสองใบ กำไรมากถึง 11 เท่าเช่นกัน
6. Perfect Pair เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้ไพ่สองใบแรกเป็นไพ่คู่ อัตราจ่ายสูงถึง 25 เท่า
7. ไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้ เงื่อนไขการชนะเดิมพันตำแหน่งนี้เพียงแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งออกไพ่คู่ก็ถือว่าชนะแล้ว และเราจะได้กำไร 5 เท่าของเดิมพันที่วางลงไป
8. สูง เป็นการทายว่าตานั้นจะจบด้วยการเปิดไพ่ใบที่ 3 อัตราจ่ายจะอยู่ที่ 54 เท่า
9. ต่ำ เป็นการทายว่าตานั้นจะจบด้วยการไม่จั่วไพ่ใบที่ 3 กำไรที่ได้คือ 5 เท่า
10. 0 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 0 แต้ม รางวัลที่ได้รับคือ 150 เท่าไม่รวมทุน
11. 1 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 1 แต้ม หากชนะจะได้กำไร 215 เท่า
12. 2 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 2 แต้ม หากทายถูกจะได้กำไร 220 เท่า
13. 3 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 3 แต้ม อัตราจ่ายจะอยู่ที่ 200 เท่า
14. 4 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 4 แต้ม หากชนะจะได้กำไร 120 เท่า
15. 5 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 5 แต้ม หากชนะจะได้กำไร 110 เท่า
16. 6 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 6 แต้ม รางวัลที่ได้รับคือ 45 เท่า
17. 7 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 7 แต้ม รางวัลที่ได้รับคือ 45 เท่า
18. 8 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 8 แต้ม หากชนะจะได้รางวัล 80 เท่า
19. 9 เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะเสมอกันที่ 9 แต้ม หากชนะจะได้รางวัล 80 เท่า

เล่นบาคาร่า แทงตรงไหนดี

พอเห็นอัตราจ่ายที่สูงถึง 220 เท่า คงทำให้ตาลุกวาวกันเป็นแน่ แต่เดี๋ยวก่อน การเล่นบาคาร่าอย่าลืมว่าอัตราจ่ายจะมีความสัมพันธ์กับการออกรางวัลเสมอ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งจ่ายมากก็หมายความว่าโอกาสที่ออกรางวัลนั้นมีน้อย ขณะเดียวกันยิ่งจ่ายน้อยก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากนั่นเอง

เหมือนเห็นแบบนี้ถ้าเราจะเล่นแบบความเสี่ยงต่ำทำกำไรเน้น ๆ จะไปเล่นแบบที่อัตราจ่าย 1 เท่า มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่กว่าจะได้กำไรคุ้มเสี่ยงก็ต้องเล่นกันหลายตา ไม่ก็วางเดิมพันหนัก ๆ แต่อย่าลืมอีกเหมือนกันนะว่านั่นก็เสี่ยงที่จะเสียเงินก้อนโตได้เหมือนกัน

ดังนั้นเราจะใช้วิธีกระจายความเสี่ยงด้วยการวางเดิมพันพร้อมกันหลาย ๆ จุด เช่นแทงฝั่งเจ้ามือ พร้อมกับสูง สองตำแหน่งนี้มีโอกาสที่จะออกมากกว่าตำแหน่งอื่น ขณะเดียวกันอาจวางเดิมพันตำแหน่งเสมอไปด้วย เพราะมีโอกาสที่จะออกเสมอเหมือนกัน หากชนะในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเมื่อหักกับเงินทุนที่เสียไปก็ยังพอมีกำไรอยู่บ้าง

แทงฝั่งผู้เล่น

การแทงตำแหน่งนี้จะเป็นการทายว่าผลที่ออกมาฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มเหนือกว่าฝั่งเจ้ามือ ซึ่งอัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 : 1 หมายความว่าหากเราแทง 100 บาท หากฝั่งผู้เล่นชนะก็จะได้รับเงินรางวัล 100 บาท รวมเป็นเงิน 200 บาท ที่จะได้รับกลับมานั่นเอง

แทงฝั่งเจ้ามือ

สำหรับการแทงตำแหน่งนี้จะเป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะเป็นฝ่ายชนะฝั่งผู้เล่นด้วยแต้มที่มากกว่า ส่วนอัตราจ่ายปกติแล้วจะอยู่ที่ 1 : 0.95 หมายความว่าถ้าเราแทงเจ้ามือ 100 บาท แล้วฝั่งเจ้ามือเป็นฝ่ายชนะก็จะได้รับกำไร 95 บาท ส่วนอีก 5 บาท ถูกหักให้กับคาสิโนเป็นค่าคอมมิชชั่น ยกเว้นในกรณีที่เล่นโต๊ะแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นจะได้รับอัตราจ่าย 1 : 1 เช่นเดียวกับการแทงฝั่งผู้เล่น แต่โต๊ะที่ไม่มีคอมมิชชั่นก็จะมีกติกาพิเศษเพิ่มเข้ามาเช่นกัน

แทงฝั่งเสมอ

เป็นการทายว่าทั้งฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่นต่างก็จะได้แต้มรวมออกมาเท่ากัน ไม่ว่าจะมีการจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ก็ตาม ซึ่งอัตราจ่ายจะสูงถึง 1 : 8 หมายความว่าถ้าแทงฝั่งเสมอ 100 บาท แล้วผลออกมาเป็นเสมอจริง เราจะได้กำไรมากถึง 800 บาท เลยทีเดียว

แทงไพ่คู่ฝั่งใดก็ได้

การแทงรูปแบบนี้คือการทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะออกมาแต้มเดียวกัน (ไม่จำเป็นต้องดอกเดียวกัน) อัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 : 5 สมมติว่าเราแทงไพ่คู่ 100 บาท แล้วผลออกมาคือไพ่สองใบแรกของฝั่งเจ้ามือหรือฝั่งผู้เล่นออกไพ่คู่ ก็จะได้รับรางวัลกลับมา 500 บาท นั่นเอง

แทงไพ่คู่ฝั่งเจ้ามือ

การแทงตำแหน่งนี้เป็นการทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะออกมาแต้มเหมือนกัน อัตราจ่ายคือ 1 : 11 เหมือนกับการแทงไพ่คู่ปกติ หากเราแทงไพ่คู่ฝั่งเจ้ามือ 100 บาท และผลออกมาคือเจ้ามือได้ไพ่คู่ ก็จะถือว่าชนะเดิมพัน ได้รับเงินรางวัล 1,100 บาท กันเลยทีเดียว แม้ว่าผลออกมาเจ้ามือจะแพ้ฝั่งผู้เล่นก็ตาม

แทงไพ่คู่ฝั่งผู้เล่น

การแทงตำแหน่งนี้จะเหมือนกับการแทงไพ่คู่ฝั่งเจ้ามือทุกอย่าง และได้รับอัตราจ่ายเท่ากัน เพียงแค่เปลี่ยนฝั่งจากเจ้ามือเป็นผู้เล่นเท่านั้น

แทงไพ่คู่ทั้งสองฝั่ง

จัดว่าเป็นตำแหน่งการแทงบาคาร่าที่เร้าใจมากที่สุด เพราะเป็นการทายว่าทั้งฝั่งผู้เล่นและฝั่งเจ้ามือต่างก็จะได้รับไพ่คู่เหมือนกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีแต้มเท่ากันก็ได้ เช่น ฝั่งเจ้ามือได้คู่ 3 ฝั่งผู้เล่นได้คู่ 7 เป็นต้น อัตราจ่ายตำแหน่งนี้ให้สูงถึง 1 : 25 แทงแค่ 100 บาท หากถูกขึ้นมาก็จะได้รับกำไรมากถึง 2,500 บาท กันเลยทีเดียว

แทงต่ำ

การแทงตำแหน่งนี้ถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างน้อย แต่อัตราจ่ายก็ต่ำไปด้วย เหลือเพียงแค่ 1 : 1.5 เท่านั้น โดยเงื่อนไขการชนะเดิมพันคือ ในตานั้นเกมจะต้องจบด้วยไพ่เพียงแค่ 4 ใบเท่านั้น ไม่มีการจั่วเพิ่ม

แทงสูง

เป็นการทายว่าเกมนั้นจะจบด้วยการจั่วไพ่ใบที่สาม สำหรับตำแหน่งนี้จะมีอัตราจ่ายน้อยที่สุดเพียงแค่ 1 : 0.54 เท่านั้น หมายความว่าถ้าแทงบาคาร่าไป 100 บาท จะได้กำไรกลับมา 54 บาท นั่นเอง

แทงตัวเลข 0-9

กรณีนี้จะเป็นการแทงแบบพิเศษว่าผลจะออกมาเป็นเสมอด้วยแต้มที่เราทายไว้ เช่น แทง 5 จะชนะเดิมพันก็ต่อเมื่อฝั่งเจ้ามือและฝั่งผู้เล่นต่างได้แต้มรวม 5 แต้มเท่ากัน ส่วนอัตราจ่ายจะแตกต่างกันไปตามแต้มที่ออกมาดังนี้

• เสมอกันที่ 0 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 150 แทง 100 บาท ได้กำไร 1,500 บาท
• เสมอกันที่ 1 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 215 แทง 100 บาท ได้กำไร 2,150 บาท
• เสมอกันที่ 2 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 220 แทง 100 บาท ได้กำไร 2,200 บาท
• เสมอกันที่ 3 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 200 แทง 100 บาท ได้กำไร 2,000 บาท
• เสมอกันที่ 4 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 120 แทง 100 บาท ได้กำไร 1,200 บาท
• เสมอกันที่ 5 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 110 แทง 100 บาท ได้กำไร 1,100 บาท
• เสมอกันที่ 6 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 45 แทง 100 บาท ได้กำไร 450 บาท
• เสมอกันที่ 7 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 45 แทง 100 บาท ได้กำไร 450 บาท
• เสมอกันที่ 8 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 80 แทง 100 บาท ได้กำไร 800 บาท
• เสมอกันที่ 9 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 80 แทง 100 บาท ได้กำไร 800 บาท

ทริคการแทงบาคาร่า

เห็นตำแหน่งการเล่นและอัตราจ่ายแบบนี้ บางคนอาจตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแทงตัวไหนดี หรือบางทีก็อยากจะแทงที่มีอัตราจ่ายสูง ๆ กะรวยเร็วในตาเดียว ใครที่คิดแบบนี้อย่าลืมว่าที่คาสิโนยินดีจ่ายมากขนาดนั้นก็เพราะเขามั่นใจแล้วว่าโอกาสชนะมีน้อยมาก ๆ ต่างจากพวกที่ออกบ่อย ๆ อัตราจ่ายจะน้อยสุด ๆ แล้วแบบนี้จะแทงบาคาร่าอย่างไรดี

ที่จริงแล้วแต่ละโต๊ะไม่ได้จำกัดว่าจะต้องวางเดิมพันแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น หมายความว่าเราสามารถวางเดิมพันพร้อมกันได้หลายตำแหน่ง โดยจุดที่ให้ผลตอบแทนน้อยก็อาจจะเพิ่มเงินเดิมพันมากหน่อย ส่วนจุดไหนที่เสี่ยงสูง อัตราจ่ายดี ก็อาจวางเดิมพันขั้นต่ำ เพื่อกระจายความเสี่ยงไปในตัว เมื่อเป็นแบบนี้เราก็สามารถทำกำไรในระยะยาวกันได้ง่าย ๆ แล้ว