×
@KUBET
เมื่ออยากเล่นคาสิโน ให้นึกถึง KUBET เว็บพนันออนไลน์ ที่มีเกมส์คาสิโนจากทุกค่าย รวมเอามาไว้ให้เล่นในเว็บเดียว SA GAMING , SEXY GAMING , PG , PRETTY GAMING และ GAMEPLAY อยากเล่นคาสิโนออนไลน์ เซ็กซี่บาคาร่า สล็อต ไฮโล เสือมังกร เกมส์ยิงปลา หรือเกมส์พนันอื่นๆ เรามีทีมงานคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

กำไร หรือ ขาดทุน? ความจริงเบื้องหลังระบบเดิมพันในรูเล็ต

เมื่อพูดถึงเกมรูเล็ตในคาสิโน สิ่งหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจคือเรื่องของระบบเดิมพันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Martingale, Paroli, Fibonacci หรือ Labouchere ซึ่งต่างก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง บ้างก็เน้นเพิ่มยอดเดิมพันเมื่อชนะ บ้างก็เน้นเพิ่มเมื่อแพ้ บ้างก็ใช้ยอดคงที่ตลอด แต่ทุกระบบล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ ระบบเดิมพันเหล่านี้ได้ผลจริงหรือไม่ ความน่าจะเป็นที่จะชนะรูเล็ตในระยะยาวเป็นอย่างไร และอะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การใช้ระบบเดิมพันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปศึกษากันอย่างลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปและหลักการทำงานของระบบเดิมพันชื่อดังในรูเล็ต ทั้งข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง รวมถึงเคล็ดลับในการประยุกต์ใช้ เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการพนันรูเล็ตควรเล่นอย่างไรเพื่อสนุกและมีโอกาสได้กำไร และอะไรที่ควรระวังเพื่อไม่ให้พลาดท่าเสียเงินไปเปล่า ๆ

ระบบ Positive Progression

ระบบ Positive Progression เป็นหนึ่งในระบบการเดิมพันรูเล็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีแนวคิดพื้นฐานคือการปรับเพิ่มยอดเงินเดิมพันทุกครั้งที่ชนะ เพื่อใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่กำลังมีโชคและทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในทางกลับกัน หากเกิดการแพ้ขึ้น ยอดเงินเดิมพันก็จะถูกปรับลดลงเพื่อลดความเสี่ยงและจำกัดการสูญเสีย

แม้ที่มาของระบบนี้จะดูเข้าใจง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันมีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้น ระบบ Positive Progression พยายามอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าโอกาสในการชนะและแพ้ของแต่ละตาในรูเล็ตนั้นเท่ากัน ดังนั้นถ้าเราชนะในตาที่แล้ว ก็น่าจะมีโอกาสชนะในตาถัดไปด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่เรียกว่า Gambler’s Fallacy หรือ “ความเข้าใจผิดของนักพนัน”

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักพนันจำนวนไม่น้อย ระบบ Positive Progression ก็ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มโอกาสชนะและจัดการแบ๊งค์ที่ได้ผลในระดับหนึ่ง ขอยกตัวอย่างระบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดอย่าง Paroli

ระบบ Paroli

ระบบ Paroli เป็นรูปแบบหนึ่งของ Positive Progression ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก วิธีการคือให้เราเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่ชนะ โดยเริ่มต้นที่ยอดเงินขั้นต่ำ เช่น 100 บาท หากเราชนะ ก็นำเงินที่ได้ 200 บาท มาลงเดิมพันในตาต่อไปทั้งหมด ถ้าชนะอีก ก็เอา 400 บาทไปลงต่อ หากชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง เราจะมีเงินกำไร 700 บาท จากการลงทุนแค่ 100 บาทเท่านั้น แต่เมื่อใดที่แพ้ ไม่ว่าจะในตาไหน ก็ให้เริ่มต้นใหม่ที่ยอดเงิน 100 บาทเหมือนเดิม และทำตามขั้นตอนต่อไป นี่คือหลักการง่าย ๆ ของระบบ Paroli ในรูเล็ต

ข้อดีของระบบ Paroli คือเป็นการใช้ประโยชน์จาก ดวงที่กำลังเข้าข้าง ให้เต็มที่ เพราะเมื่อชนะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ กำไรที่ได้รับก็จะสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นไม่ยาก เนื่องจากโอกาสชนะในแต่ละตาอยู่ที่ประมาณ 50%

นอกจากนี้ การกำหนดให้รีเซ็ตเงินเดิมพันเมื่อแพ้ ก็ช่วยป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปได้ในระดับหนึ่ง ทำให้การใช้ระบบ Paroli มีความเสี่ยงน้อยกว่าระบบ Positive Progression บางแบบที่ปรับเพิ่มยอดเงินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ

อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของระบบ Paroli ที่ปรับลดยอดเงินลงทุนลงทุกครั้งที่แพ้ ทำให้เป็นการยากที่จะชดเชยยอดขาดทุนสะสมหากเกิดความโชคร้ายขึ้นติดต่อกัน เพราะแม้ว่าเราจะชนะในตาถัดมา แต่กำไรที่ได้ก็อาจไม่พอลบล้างกับเงินที่เสียไปก่อนหน้า

อีกจุดอ่อนของระบบ Paroli คือการเชื่อมั่นในแนวคิด Gambler’s Fallacy ที่ว่าถ้าชนะตานี้แล้ว ตาต่อไปก็น่าจะมีโอกาสชนะสูงด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยในทางสถิติ เพราะแต่ละรอบของรูเล็ตนั้นเป็นอิสระต่อกัน ผลในตาก่อนหน้าไม่ได้ส่งผลต่อตาถัดไปแต่อย่างใด

ในทำนองเดียวกัน ความเชื่อที่ว่าเมื่อแพ้แล้วตาต่อไปจะต้องได้ชนะ เพื่อให้เป็นไปตามความน่าจะเป็นระยะยาว ก็ไม่ได้เพิ่มโอกาสชนะอย่างที่คิด เหรียญที่ออกก้อยติดต่อกัน 10 ครั้ง ก็ยังคงมีโอกาส 50% ที่จะออกก้อยในครั้งที่ 11 เช่นกัน

ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อดีของระบบ Paroli ก็คือความเรียบง่ายและความเสี่ยงที่จำกัด ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่ผู้เล่นที่ไม่อยากเสี่ยงมาก มีงบจำกัด แต่ก็หวังว่าจะเพิ่มกำไรได้บ้างหากโชคเข้าข้าง

โดยสรุปแล้ว ระบบ Positive Progression และระบบ Paroli อาจจะช่วยเพิ่มความสนุกและความตื่นเต้นให้กับเกมรูเล็ตได้ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่ารูเล็ตเป็นเกมที่อาศัยดวงเป็นหลัก การใช้ระบบเดิมพันใด ๆ จึงไม่อาจการันตีกำไรได้ในระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเดิมพันด้วยเงินที่พอจะเสียได้ กำหนดวงเงินที่ชัดเจน และหยุดเล่นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ระบบ Negative Progression

แนวคิดหลักของระบบ Negative Progression คือการพยายาม ชดเชยการสูญเสีย ในตาก่อนหน้า ด้วยการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะแล้วก็จะได้กำไรจากยอดเงินเดิมพันที่สูงขึ้นนั่นเอง ในแง่หนึ่ง วิธีนี้ดูจะมีเหตุผลน่าเชื่อถือ เพราะเมื่อแพ้หลายครั้งติดต่อกัน โอกาสที่จะชนะในที่สุดก็ควรจะมีมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การคิดเช่นนั้นก็เป็นเพียงความเข้าใจผิดประเภทหนึ่ง ที่เรียกว่า Gambler’s Fallacy เช่นเดียวกับในระบบ Positive Progression เพราะความจริงแล้ว ไม่ว่าผลของตาก่อนหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความน่าจะเป็นที่จะชนะหรือแพ้ในตาถัดไปเลย

แต่กระนั้น ระบบ Negative Progression ก็ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักพนันนิยมใช้เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรในรูเล็ต เพราะหากนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ก็อาจช่วยลดการสูญเสียโดยรวมและเปิดโอกาสให้ได้กำไรมากขึ้นได้

หนึ่งในระบบ Negative Progression ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ระบบ Martingale ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้าง “การันตีผล” แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน

ระบบ Martingale ในรูเล็ต

Martingale เป็นระบบเดิมพันที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในหมู่นักพนัน โดยเฉพาะในการเดิมพันสีแดงดำ (Red/Black) หรือคู่คี่ (Odd/Even) ในรูเล็ต ที่มีโอกาสชนะในแต่ละตาประมาณ 50% ทำให้หลักการของ Martingale สามารถนำไปใช้ได้อย่างลงตัว

วิธีใช้ระบบ Martingale นั้นไม่ยุ่งยาก โดยให้เราเริ่มต้นด้วยยอดเงินเดิมพันขั้นต่ำ เช่น 100 บาท แล้วเลือกเดิมพันสีแดงหรือดำ ถ้าชนะ ก็รับเงิน 100 บาทกำไร แล้วเดิมพัน 100 บาทใหม่ในตาต่อไป แต่ถ้าเสีย ก็ให้เพิ่มยอดเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า เป็น 200 บาท แล้วเดิมพันสีเดิมอีกครั้ง หากยังเสียอีก ก็เพิ่มเป็น 400 บาท ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะ เราก็จะได้กำไร 100 บาท พอดีจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง จากนั้นก็ให้เริ่มต้นใหม่ที่ 100 บาท วนไปเรื่อย ๆ ตามขั้นตอนเดิม

แนวคิดของระบบ Martingale คือ การเพิ่มเงินเดิมพันเป็นทวีคูณเมื่อแพ้ จะทำให้ไม่ว่าจะต้องแพ้ไปกี่ครั้ง ก็จะต้องมีจังหวะที่ได้ชนะสักครั้งเพื่อชดเชยเงินที่เสียไปทั้งหมด บวกกำไรเพิ่มอีก 1 ยูนิต หรือในที่นี้คือ 100 บาท และเมื่อชนะแล้ว การกลับไปเริ่มต้นที่ 100 บาทใหม่ก็จะเป็นการ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” ไม่ปล่อยให้การสูญเสียลุกลามบานปลายจนเกินแก้ไข

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของระบบ Martingale คือ ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามยอดเงินเดิมพันที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เมื่อเกิดการแพ้หลายครั้งติดต่อกัน

สมมุติว่าเราโชคร้ายแพ้ติดต่อกันแค่ 5 ครั้ง จาก 100 บาท ก็จะกลายเป็น 200 > 400 > 800 > 1,600 > 3,200 บาท รวมแล้วต้องใช้ทุนไปแล้วถึง 6,300 บาท เพื่อหวังกำไรเพียง 100 บาทเท่านั้น หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่เพียงแต่อาจไม่มีเงินเดิมพันต่อ ยอดเงินอาจจะสูงเกินกว่าวงเงินสูงสุดที่โต๊ะรูเล็ตจะรับด้วย และยิ่งถ้าหากแพ้ไปอีก ความเสียหายก็จะยิ่งมหาศาล

ถึงแม้ในทางทฤษฎี ระบบ Martingale จะสามารถทำกำไรได้เสมอหากมีงบประมาณที่ไม่จำกัดและไม่มีข้อจำกัดของวงเงินสูงสุดบนโต๊ะ แต่ในเวลาจำกัดที่ต้องเผชิญกับโอกาสที่จะแพ้หลายครั้งติด ๆ กัน ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมากที่จะต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล

เพื่อแก้ไขจุดอ่อนนี้ จึงมีการพัฒนาระบบ Negative Progression รูปแบบอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงจำกัดมากกว่า ตัวอย่างเช่น:

  • ระบบ Fibonacci ที่เพิ่มยอดเงินเดิมพันตามลำดับ Fibonacci เมื่อแพ้ โดยจะเพิ่มยอดเงินเท่ากับผลรวมของ 2 ยอดก่อนหน้า เช่น หากแพ้ 2 ครั้งที่ 100 บาท จึงจะเพิ่มเป็น 200 บาท แพ้อีกก็เป็น 300 บาท แพ้อีกเป็น 500 บาท ซึ่งจะทำให้การเพิ่มยอดช้ากว่า Martingale มาก และจำกัดความเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • ระบบ D’Alembert เป็นการแบ่งแบ๊งค์ออกเป็นยูนิตย่อยเท่า ๆ กัน และปรับเพิ่มลดทีละ 1 ยูนิตตามการแพ้ชนะ เช่น ถ้ามี 10 ยูนิต เริ่มที่ 1 ยูนิต เมื่อแพ้ก็เพิ่มเป็น 2 ยูนิต แพ้อีกเป็น 3 ยูนิต และถ้าชนะก็ลดลง 1 ยูนิต วิธีนี้ค่อนข้างอนุรักษ์ จะทำให้ขาดทุนช้า แต่ได้กำไรก็ช้าเช่นกัน
  • ระบบ Labouchere เรียกได้ว่าเป็นระบบ Negative Progression ที่ซับซ้อนที่สุด และใช้การได้ผลที่สุด เพราะมีการปรับยอดเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป คือจะกำหนดเป้าหมายกำไรเอาไว้ก่อน แล้วแบ่งออกเป็นยูนิตย่อยแบบคล้าย ๆ D’Alembert แต่เลือกเพิ่มหรือลดยอดตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ตามจังหวะการชนะและแพ้ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบมากขึ้น

โดยสรุป ระบบ Negative Progression เป็นวิธีคิดในการเดิมพันรูเล็ตที่เน้นตั้งรับมากกว่ารุก มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียมากกว่าการไล่ล่ากำไร ซึ่งถ้านำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ ทั้งในด้านกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจข้อจำกัดและข้อเสียของแต่ละระบบให้ดี รู้ว่ามันไม่ใช่ “สูตรสำเร็จ” ที่การันตีชัยชนะ เพราะไม่ว่าจะใช้ระบบไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความได้เปรียบของเจ้ามือได้เลย สุดท้ายแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือวินัยในการเล่น เพราะต่อให้มีระบบที่ดี แต่ขาดการควบคุมตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นความสูญเสียอยู่ดี

Flat Betting

แทนที่จะพยายามเอาชนะความได้เปรียบของคาสิโนด้วยการปรับกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ Flat Betting เป็นการยอมรับความจริงว่าทุกการเดิมพันมีโอกาสชนะและแพ้พอ ๆ กัน สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือการจัดการเงินทุนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว

วิธีเล่น Flat Betting นั้นง่ายมาก แค่เลือกยอดเงินที่เหมาะสมสำหรับเรา และวางเดิมพันด้วยยอดเงินนั้นไปตลอด ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม ยอดเงินจะต้องเท่าเดิมเสมอ

ประโยชน์หลักของ Flat Betting คือการควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่า เพราะเราจะไม่มีทางเสียเงินเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ต่อการเดิมพัน 1 ครั้ง และเมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ แล้ว Flat Betting ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่นได้ยาวนานขึ้นด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเมื่อแพ้หลายตาติด

อีกข้อดีคือความเรียบง่าย เพราะเราสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการเล่นได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคอยคำนวณหรือปรับยอดเงินไปมา Flat Betting จึงเหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญกับเกมรูเล็ตมากนัก

Flat Betting อาจดูเหมือนไม่ใช่ “ระบบ” เดิมพันที่ซับซ้อนหรือน่าตื่นเต้นเท่าไร แต่ก็เป็นวิธีคิดที่สอดคล้องกับหลักความน่าจะเป็นและการจัดการเงินเดิมพันมากที่สุด เป็นการมองการพนันตามความเป็นจริง มากกว่าการคิดเพ้อฝันถึงสูตรที่จะรวยเร็วจากการพนัน

การนำ Flat Betting มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเข้าใจด้วยว่าแม้จะช่วยลดความผันผวนของผลแพ้ชนะลงได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะชนะในระยะยาว ความสำเร็จขึ้นอยู่กับเงินทุนที่เรามีและจำนวนครั้งที่เล่น ซึ่งเมื่อเล่นนาน ๆ ความได้เปรียบของเจ้ามือก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอยู่ดี

ดังนั้น การเลือกยอดเงินเดิมพันให้เหมาะสมกับทุนและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยควรมีเงินทุนมากพอที่จะสามารถเล่นได้หลายตาติดกัน โดยที่แม้จะแพ้ไปบ้างก็ไม่กระทบกระเทือนฐานะการเงินจนเกินไป

ผู้เล่นหลายคนพบว่า Flat Betting เป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้เสริมจากการพนันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการวางแผนที่ดี มีวินัย และรู้จักเลิกเมื่อถึงเวลาอันควร

อีกแนวคิดการเดิมพันที่น่าสนใจซึ่งนำ Flat Betting มาใช้คือ ระบบ Romanosky ซึ่งเน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลายตำแหน่งบนโต๊ะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะให้มากที่สุด

ระบบ Romanosky ในรูเล็ต

ระบบ Romanosky เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวคิดของ Flat Betting และการวางเดิมพันหลายรูปแบบ โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่เงินเดิมพันคงที่ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้กว้างกว่าการเดิมพันแบบเดี่ยว ๆ

วิธีใช้ระบบ Romanosky คือให้แบ่งยอดเงินต่อรอบออกเป็น 8 ส่วนเท่า ๆ กัน จากนั้นเลือกเดิมพันดังนี้:

  • วางเดิมพัน 3 ส่วนไปที่ Dozen (โหล) แรก (12 ตัวเลขแรกของวงล้อ ตั้งแต่ 1-12)
  • วางเดิมพันอีก 3 ส่วนไปที่ Dozen ที่สอง (12 ตัวเลขที่สองของวงล้อ ตั้งแต่ 13-24)
  • วางเดิมพันอีก 1 ส่วนไปที่ตำแหน่ง Corner ระหว่างช่อง 25-29
  • วางเดิมพันส่วนสุดท้ายไปที่ตำแหน่ง Corner ระหว่างช่อง 32-36

การเลือกวางแบบนี้จะครอบคลุมตัวเลขถึง 32 ช่องจากทั้งหมด 37 ช่อง (ไม่รวม 0) หรือคิดเป็นโอกาสในการชนะสูงถึง 86% เลยทีเดียว เมื่อวงล้อหยุดหมุน หากลูกรูเล็ตตกในช่วงตัวเลขที่เรา Cover ไว้ ก็จะได้กำไรเท่ากับ 9 ส่วน (เท่ากับยอดเงินทั้งหมดที่ใช้เดิมพันในรอบนั้นบวก 1 ส่วน) ขณะที่ถ้าแพ้ก็จะเสีย 8 ส่วนไป

ข้อดีของ Romanosky คือในแต่ละรอบ มีโอกาสชนะที่ค่อนข้างสูง และถ้าชนะก็ได้กำไรเล็กน้อย ขณะที่ถ้าจะแพ้ก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือเมื่อเกิดแพ้ขึ้น ก็ต้องใช้เวลาหลายรอบในการทำกำไรคืน เพราะแต่ละรอบได้กำไรไม่มาก

เหมือนกับทุก ๆ ระบบ ความสำเร็จของ Romanosky อยู่ที่เงินทุนที่มากพอและการเล่นอย่างมีวินัย ไม่โลภมากเกินไป รู้จักพอใจกับกำไรทีละน้อย และยอมหยุดเมื่อถึงเวลา ไม่ควรคิดว่าจะต้องเอาทุนคืนให้ได้ในทันทีหากเกิดแพ้ เพราะนั่นจะทำให้สูญเสียมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

บทสรุป

รูเล็ตคงเป็นเกมคาสิโนที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหลมาช้านาน ด้วยกฎกติกาที่เรียบง่าย และความตื่นเต้นที่มาพร้อมกับโอกาสในการทำกำไรก้อนโต ทว่าเบื้องหลังนั้นก็มีอีกหลายคนที่ต้องพบกับความผิดหวัง บาดเจ็บ และมือเปล่าจากการเสี่ยงโชคครั้งแล้วครั้งเล่า

ระบบเดิมพันหรือ Betting Systems ต่าง ๆ คืออีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดใจนักพนันให้หลงใหล เพราะมันให้ความหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะและกำไรให้มากขึ้น มีสูตรและเคล็ดลับมากมายที่ถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Martingale, Paroli, D’Alembert, Fibonacci หรือ Romanosky ซึ่งต่างมีเหตุผลประกอบที่ฟังดูดี น่าเชื่อถือ และน่าลองใช้

แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ท้ายที่สุด ไม่มีระบบไหนที่การันตีได้ว่าจะเอาชนะเกมรูเล็ตได้อย่างแน่นอน ด้วยความได้เปรียบเชิงคณิตศาสตร์ที่เจ้ามือมีเหนือผู้เล่น ทำให้ในระยะยาวแล้วการคาดหวังกำไรจากการพนันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะหากขาดการควบคุมตัวเองและมีวินัยที่ดีในการเล่น