รูเล็ตเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก ด้วยกฎกติกาที่เข้าใจง่ายและความตื่นเต้นในการลุ้นผล ทำให้ผู้เล่นทั้งมือใหม่และมืออาชีพต่างหลงใหลในเสน่ห์ของวงล้อนี้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับรูเล็ตอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ประเภทของวงล้อ ไปจนถึงกฎพิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะของคุณ

ประวัติความเป็นมาของรูเล็ต

รูเล็ต (Roulette) มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “วงล้อเล็ก ๆ” ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะสำคัญของเกมนี้ได้เป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า รูเล็ตเกิดขึ้นจากความผิดพลาดทางวิทยาศาสตร์

ในปี 1655 แบลซ ปัสกาล (Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส พยายามสร้างเครื่องจักรนิรันดร์ (Perpetual motion machine) ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องใช้พลังงานจากภายนอก แต่โครงการนี้ล้มเหลวเนื่องจากขัดกับกฎทางฟิสิกส์

แม้ว่าเครื่องจักรของปัสกาลจะไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่กลไกการทำงานของมันกลับถูกนำมาพัฒนาต่อยอดในปี 1720 โดยผสมผสานเข้ากับเกมจับสลากตัวเลขที่เรียกว่า “บิริบี” (Biribi) จนกลายเป็นต้นแบบของวงล้อรูเล็ตที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน

รูเล็ตเริ่มปรากฏตัวครั้งแรกในคาสิโนที่กรุงปารีสเมื่อราวปี 1790 หลังจากนั้นไม่นาน ความนิยมของเกมนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรปและข้ามทวีปไปยังสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19 จวบจนปัจจุบัน รูเล็ตยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในเกมพนันที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก

ประเภทของวงล้อรูเล็ต

เมื่อพูดถึงวงล้อรูเล็ต หลายคนอาจนึกถึงภาพวงล้อสีดำที่มีตัวเลขสีแดงและดำสลับกันไป แต่ในความเป็นจริง วงล้อรูเล็ตที่ใช้ในคาสิโนออนไลน์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันเล็กน้อยแต่ส่งผลต่อโอกาสในการชนะของผู้เล่นอย่างมีนัยสำคัญ

1. วงล้อรูเล็ตแบบยุโรป

วงล้อรูเล็ตแบบยุโรปเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส ลักษณะสำคัญของวงล้อประเภทนี้คือ มีช่องทั้งหมด 37 ช่อง โดยมีตัวเลข 0 อยู่ในช่องสีเขียว ส่วนตัวเลข 1-36 อยู่ในช่องสีแดงและดำสลับกันไป ในบางคาสิโนออนไลน์ อาจเรียกโต๊ะรูเล็ตแบบนี้ว่า “Single Zero Roulette” เนื่องจากมีช่องเลข 0 เพียงช่องเดียว

2. วงล้อรูเล็ตแบบอเมริกัน

วงล้อรูเล็ตแบบอเมริกันเป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นมาภายหลัง มีความแตกต่างจากแบบยุโรปเพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลต่อโอกาสในการชนะของผู้เล่นอย่างมาก ลักษณะสำคัญของวงล้อประเภทนี้คือ มีช่องทั้งหมด 38 ช่อง โดยมีช่องเลข 0 และ 00 อยู่ในช่องสีเขียว ส่วนตัวเลข 1-36 ยังคงอยู่ในช่องสีแดงและดำสลับกันเช่นเดิม โต๊ะรูเล็ตแบบนี้มักถูกเรียกว่า “Double Zero Roulette” เนื่องจากมีช่องศูนย์สองช่อง

แม้ว่าจะมีความแตกต่างในเรื่องจำนวนช่อง แต่กฎการเล่นพื้นฐานของรูเล็ตทั้งสองแบบยังคงเหมือนกัน นั่นคือ หากลูกบอลตกลงในช่องเลข 0 หรือ 00 คาสิโนจะเป็นฝ่ายชนะ

กฎพิเศษในการเล่นรูเล็ต

นอกเหนือจากกฎพื้นฐานทั่วไปแล้ว รูเล็ตยังมีกฎพิเศษที่ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะมากขึ้น กฎพิเศษเหล่านี้อาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก โดยเฉพาะในหมู่ผู้เล่นคาสิโนออนไลน์ที่มักจะวางเดิมพันและรอลุ้นผลเพียงอย่างเดียว แต่การรู้และเข้าใจกฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการเล่นมากขึ้น

1. กฎ La Partage

กฎ La Partage เป็นกฎที่นิยมใช้ในแถบยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝรั่งเศส วิธีการเล่นตามกฎนี้มีดังนี้

• ดีลเลอร์จะแบ่งช่องหมายเลขออกเป็น 2 กลุ่ม เช่น สีดำ/สีแดง, เลขคู่/เลขคี่
• หากผู้เล่นวางเดิมพันในช่องใดช่องหนึ่ง และลูกบอลตกลงในช่องนั้น ถือว่าชนะ แม้ว่าจะทายคนละหมายเลขกับที่ลูกบอลตกก็ตาม
• หากลูกบอลตกในช่องเลข 0 ผู้เล่นจะเสียเดิมพันเพียงครึ่งเดียว และได้รับส่วนที่เหลือคืน

2. กฎ En Prison

กฎ En Prison หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎขังคุก” เป็นอีกหนึ่งกฎที่นิยมใช้ในยุโรป มีวิธีการเล่นดังนี้

• หากลูกบอลตกไปที่ช่องหมายเลข 0 ผู้เล่นจะไม่ได้รับเงินเดิมพันกลับมาเพื่อวางใหม่
• เกมจะเริ่มรอบต่อไปทันทีโดยยึดเดิมพันเดิมที่วางไว้
• หากในรอบถัดไป ผลออกมาตรงกับที่ผู้เล่นเดิมพันไว้ ถือว่าชนะ แต่หากไม่ตรง ถือว่าแพ้และเสียเดิมพันทั้งหมด

3. กฎ Surrender

กฎ Surrender หรือ “กฎยอมแพ้” เป็นกฎที่นิยมใช้ในโต๊ะรูเล็ตแบบอเมริกัน มีลักษณะคล้ายกับกฎ La Partage แต่มีความแตกต่างเล็กน้อย ดังนี้

• ใช้กับวงล้อที่มีช่องหมายเลข 0 และ 00
• หากลูกบอลตกในช่อง 0 หรือ 00 ผู้เล่นจะเสียเดิมพันเพียงครึ่งเดียว

การรู้และเข้าใจกฎพิเศษเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางแผนการเดิมพันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความเสียเปรียบต่อคาสิโนลงได้

รูปแบบการวางเดิมพันในรูเล็ต

การเล่นรูเล็ตไม่ได้มีเพียงแค่การทายตัวเลขที่จะออกเท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบการวางเดิมพันที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีอัตราการจ่ายเงินและโอกาสชนะที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจกับรูปแบบการวางเดิมพันต่าง ๆ จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีรูปแบบการวางเดิมพันอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ดังนี้

1. Inside Bets: การเดิมพันวงใน

Inside Bets หรือการเดิมพันวงใน เป็นรูปแบบการวางเดิมพันที่ผู้เล่นสามารถวางชิปลงบนตัวเลขในตารางได้โดยตรง แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน การเดิมพันแบบ Inside Bets มีวิธีการวางเดิมพันทั้งหมด 8 วิธี ดังนี้

• Straight (แทงเต็งเลข): วางเดิมพันบนตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งโดยเฉพาะ มีอัตราต่อรอง 36:1
• Split (แทงค่อมเลข 2 ตัว): วางเดิมพันบนเส้นระหว่างสองตัวเลขที่อยู่ติดกัน มีอัตราต่อรอง 18:1
• Street (แทงค่อมเลข 3 ตัว): วางเดิมพันที่ปลายแถวของสามตัวเลขที่อยู่ในแถวเดียวกัน มีอัตราต่อรอง 12:1
• Six Line (แทงค่อมเลข 6 ตัว): วางเดิมพันที่ปลายแถวของสองแถวที่อยู่ติดกัน รวมเป็น 6 ตัวเลข มีอัตราต่อรอง 6:1
• Corner (แทงค่อมเลข 4 ตัว): วางเดิมพันตรงมุมที่ตัวเลขสี่ตัวมาบรรจบกัน มีอัตราต่อรอง 9:1
• Trio (แทงค่อมเลข 3 ตัว): วางเดิมพันบนเส้นที่แบ่งระหว่าง 0, 1, 2 หรือ 0, 2, 3 มีอัตราต่อรอง 12:1
• Basket (แทงค่อมเลข 4 ตัว): วางเดิมพันบนเส้นแบ่งระหว่าง 0, 1, 2, 3 มีอัตราต่อรอง 9:1
• Top Line (แทงค่อมเลข 5 ตัว): วางเดิมพันบนเส้นแบ่งระหว่าง 0, 00, 1, 2, 3 (เฉพาะรูเล็ตแบบอเมริกัน) มีอัตราต่อรอง 7:1

สำหรับสัดส่วนเงินที่จะได้รับคืนในการเล่นแบบ Inside Bets นั้น หากเป็นรูเล็ตแบบยุโรปจะอยู่ที่ 97.3% สำหรับทุกรูปแบบการวางเดิมพัน ในขณะที่รูเล็ตแบบอเมริกันจะได้น้อยกว่าคือ 94.74% และต่ำสุดคือ 92.1% สำหรับการแทงแบบค่อมเลข 5 ตัว (Top Line) ที่มีอัตราจ่าย 7:1

2. Outside Bets: การเดิมพันวงนอก

Outside Bets หรือการเดิมพันวงนอก เป็นรูปแบบการวางเดิมพันที่ผู้เล่นไม่สามารถวางชิปลงบนตัวเลขในตารางได้โดยตรง แต่จะต้องวางตามช่องที่อยู่รอบ ๆ นอกตารางแทน การเดิมพันแบบนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า Inside Bets แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าเช่นกัน

การเดิมพันแบบ Outside Bets มีวิธีการวางเดิมพัน 3 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

• แทงสีแดงหรือสีดำ: เลือกว่าลูกบอลจะตกลงในช่องสีแดงหรือสีดำ
• แทงเลขต่ำ (1-18) หรือเลขสูง (19-36): เลือกว่าลูกบอลจะตกลงในช่วงเลข 1-18 หรือ 19-36
• แทงเลขคู่หรือเลขคี่: เลือกว่าลูกบอลจะตกลงในช่องเลขคู่หรือเลขคี่

การเดิมพันแบบ Outside Bets ทั้งหมดมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 1:1 หมายความว่าหากชนะ ผู้เล่นจะได้รับเงินเท่ากับจำนวนที่เดิมพันไป

แม้ว่าการวางเดิมพันในรูปแบบนี้จะทำกำไรได้น้อยกว่า Inside Bets แต่ด้วยโอกาสได้เสียที่ใกล้เคียง 50/50 ทำให้นักเดิมพันนิยมใช้ร่วมกับสูตรเดินเงินต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว สำหรับสัดส่วนเงินที่จะได้รับคืนในการเล่นแบบ Outside Bets นั้น หากเป็นรูเล็ตแบบยุโรปจะอยู่ที่ 97.3% ในขณะที่รูเล็ตแบบอเมริกันจะอยู่ที่ 94.74%

3. Announced Bets: การเดิมพันแบบประกาศ

Announced Bets หรือการเดิมพันแบบประกาศ เป็นรูปแบบการวางเดิมพันพิเศษที่ผู้เล่นสามารถบอกดีลเลอร์ได้โดยตรงว่าจะเลือกวางชิปแบบใด ในตำแหน่งไหน โดยไม่ต้องวางชิปด้วยตัวเอง วิธีนี้มีความซับซ้อนมากกว่า Inside Bets และ Outside Bets ทำให้ไม่ค่อยพบในคาสิโนออนไลน์ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม นักเดิมพันมืออาชีพมักนำรูปแบบการเดิมพันแบบ Announced Bets มาออกแบบวิธีเล่นเฉพาะตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ ตัวอย่างของการเดิมพันแบบ Announced Bets ที่นิยมใช้กัน ได้แก่:

• Voisins du Zéro (Neighbors of Zero): เป็นการเดิมพันบนกลุ่มตัวเลขที่อยู่ใกล้กับเลข 0 บนวงล้อ
• Tiers du Cylindre (Third of the Wheel): เป็นการเดิมพันบนกลุ่มตัวเลขที่อยู่ตรงข้ามกับ Voisins du Zéro บนวงล้อ
• Orphelins (Orphans): เป็นการเดิมพันบนกลุ่มตัวเลขที่เหลือจาก Voisins du Zéro และ Tiers du Cylindre

การเลือกรูปแบบการเดิมพันที่เหมาะสม

การเลือกรูปแบบการเดิมพันในรูเล็ตนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เงินทุนที่มี และเป้าหมายในการเล่น โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งกลยุทธ์การเดิมพันออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

1. กลยุทธ์แบบเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรในระยะสั้น และยอมรับความเสี่ยงได้สูง มักใช้การเดิมพันแบบ Inside Bets โดยเฉพาะการแทงเต็งเลข (Straight) ที่ให้อัตราต่อรองสูงสุดถึง 36:1
2. กลยุทธ์แบบเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทนปานกลาง: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน อาจใช้การผสมผสานระหว่าง Inside Bets และ Outside Bets เช่น การแทงค่อมเลข (Split, Street, Corner) ร่วมกับการแทงสีหรือแทงเลขสูง/ต่ำ
3. กลยุทธ์แบบเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นในระยะยาวและรักษาเงินทุนไว้ มักใช้การเดิมพันแบบ Outside Bets เป็นหลัก เช่น การแทงสี แทงเลขคู่/คี่ หรือแทงเลขสูง/ต่ำ ซึ่งมีโอกาสชนะใกล้เคียง 50%

จุดมุ่งหมายหลักของเกมรูเล็ต คือการทายให้ถูกว่าลูกบอลจะไปหยุดที่หมายเลขใด ซึ่งคุณอาจรู้อยู่แล้ว ถึงแม้ใครก็สามารถเล่นรูเล็ตออนไลน์ได้ แต่การเล่นเกมนี้ไม่ได้มีแค่การเลือกตัวเลขหรือสีเท่านั้น บทความแนะนำพื้นฐานสำหรับมือใหม่ฉบับสมบูรณ์ของเราจะอธิบายกฎเบื้องต้น รูปแบบการเดิมพันและการจ่ายเงิน ตลอดจนเวอร์ชันเกมรูเล็ตที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณเข้าใจและพร้อมวางเดิมพันอย่างเต็มที่

กฎพื้นฐานของรูเล็ต

การเข้าใจกลไกของเกมรูเล็ตนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม เกมนี้ไม่ได้มีแค่การทายว่าลูกบอลจะตกลงที่ใด ในฐานะผู้เล่นมือใหม่ คุณควรศึกษากฎของรูเล็ตให้เข้าใจเสียก่อนจะเริ่มเล่น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนเงินเดิมพันให้กลายเป็นเงินรางวัล

วงล้อรูเล็ตประกอบด้วยขอบวงล้อขนาดใหญ่ที่ใช้หมุนลูกบอล และช่องเล็ก ๆ หลายช่องสำหรับให้ลูกบอลตกลงไปในที่สุด เป้าหมายของผู้เล่นคือการทายให้ถูกว่าลูกบอลจะไปหยุดที่ช่องใด ช่องเหล่านี้มีหมายเลข 1 ถึง 36 โดยครึ่งหนึ่งเป็นสีแดง อีกครึ่งเป็นสีดำ

นอกจากนี้คุณจะเห็นช่องสีเขียว เพิ่มเติมสำหรับเลข 0 และในบางเวอร์ชันของเกมรูเล็ต อาจมีช่องสีเขียวที่สองสำหรับเลข 00 (ศูนย์คู่) ด้วย

ผู้เล่นจะวางเดิมพันบนตารางเดิมพันก่อนที่วงล้อจะเริ่มหมุน และสามารถวางเดิมพันได้หลายรูปแบบในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เล่นมือใหม่ เราแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการวางเดิมพันเพียงครั้งละหนึ่งรูปแบบไปก่อน จนกว่าคุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

เมื่อผู้เล่นวางเดิมพันเสร็จแล้ว ลูกบอลจะถูกหมุนเข้าไปในวงล้อจนกระทั่งตกลงในช่องใดช่องหนึ่ง หากเดิมพันของคุณตรงกับผลที่ออก คุณจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราต่อรองที่ระบุบนตารางรูเล็ต แต่หากคุณเดิมพันผิด คุณจะเสียเงินเดิมพันและเกมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

เวอร์ชันยอดนิยมของเกมรูเล็ต

เสน่ห์ของเกมรูเล็ตอยู่ที่มีเวอร์ชันให้เลือกเล่นหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละราย ลองมาดูเวอร์ชันรูเล็ตยอดนิยมที่เล่นกันทั่วโลกกันเลย

รูเล็ตยุโรป (European Roulette)

เป็นเวอร์ชันมาตรฐานที่พบได้ทั่วไปในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งมีเพียงช่องสีเขียวเดียวคือเลข 0 จุดนี้ทำให้อัตราเปรียบเทียบของคาสิโน (house edge) ลดลง เพราะมีตัวเลขให้ทายน้อยกว่า บางโต๊ะยังมีกฎพิเศษอย่าง ‘en prison’ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้เล่นได้รับเงินเดิมพันบางส่วนคืน หากวางเดิมพันเงินเท่าไว้ที่ตัวเลือกคี่/คู่ หรือ แดง/ดำ แต่ลูกบอลดันไปตกที่ช่องเลข 0

กฎ ‘en prison’ อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละคาสิโน แต่โดยทั่วไปแล้วผู้เล่นอาจได้รับเงินเดิมพันครึ่งหนึ่งคืน หรือมีสิทธิ์นำเงินเดิมพันที่ “ถูกกักไว้” ไปใช้ในตาถัดไป เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะรางวัลให้สูงขึ้น

รูเล็ตฝรั่งเศส (French Roulette)

มีลักษณะคล้ายกับรูเล็ตยุโรปมาก แต่จะมีความแตกต่างเล็กน้อยในรายละเอียดบนโต๊ะ ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลขทั้งหมดมักจะเป็นสีแดงเหมือนกันหมด (แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเดิมพันสีแดงหรือดำไม่ได้นะ เพราะช่องบนวงล้อจริง ๆ แล้วก็ยังมีสีดำเหมือนเดิม)

ข้อแตกต่างสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การเดิมพันแบบ “French Bets” ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันเพื่อครอบคลุมส่วนต่าง ๆ ของวงล้อได้ เช่น การแทงเลขที่อยู่ใกล้กับเลข 0 มากที่สุด (ซึ่งหมายถึงการวางเดิมพันหลายรูปแบบพร้อมกัน) และสุดท้าย ในรูเล็ตฝรั่งเศสจะมีกฎ ‘en prison’ เช่นกัน แต่เรียกว่า ‘la partage’ ซึ่งหมายถึง “การแชร์” นั่นเอง

รูเล็ตอเมริกัน (American Roulette)

ถือเป็นเวอร์ชันที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด โดยมีตัวเลขมาตรฐาน 38 ตัวบนวงล้อ ได้แก่ 1-36, 0 และ 00 (ศูนย์คู่) การเพิ่มช่องศูนย์คู่เข้ามาทำให้อัตราเปรียบเทียบของคาสิโนสูงขึ้น เพราะหากไม่มีช่องพิเศษสองช่องนี้ การเดิมพันส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนในอัตราต่อรองที่ยุติธรรมกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นอาจเจอกับวงล้อที่มีเพียงช่อง 0 เดียว แต่ให้วงเงินเดิมพันที่สูงขึ้นในบางคาสิโน ซึ่งมีอัตราเปรียบเทียบใกล้เคียงกับรูเล็ตยุโรปด้วย

เดิมพันและการจ่ายเงินรางวัลในเกมรูเล็ต

คุณน่าจะพอเข้าใจกฎเบื้องต้นของรูเล็ตกันได้บ้างแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าไม่ได้ยากเย็นอะไร อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเดิมพันในเกมรูเล็ตนั้นแบ่งออกเป็นสองหมวดหลัก ๆ ได้แก่ เดิมพันภายใน (Inside Bets) และ เดิมพันภายนอก (Outside Bets) การเลือกวางเดิมพันแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับงบประมาณและความกล้าเสี่ยงของคุณ

รูปแบบการเดิมพันที่แตกต่างกันก็จะมีผลต่ออัตราต่อรองในการชนะเงินรางวัลด้วยเช่นกัน บางแบบให้อัตราต่อรองที่ดี ขณะที่บางแบบก็ให้ผลตอบแทนแบบปานกลาง ข้อควรจำอีกอย่างคือ อัตราต่อรองในการชนะอาจแตกต่างกันไปตามเวอร์ชันของเกมรูเล็ต เรามาดูความแตกต่างในแต่ละแบบกัน

เดิมพันภายใน (Inside Bets)

เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบความท้าทายและกล้าเสี่ยง เพราะการเดิมพันรูปแบบนี้มักให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยมีรูปแบบดังนี้

• Straight Up เดิมพันบนตัวเลขเดียว จ่ายเงินรางวัล 35 ต่อ 1
• Split เดิมพันสองตัวเลขติดกัน จ่ายเงินรางวัล 17 ต่อ 1
• Street เดิมพันสามตัวเลขในแถวเดียวกัน จ่ายเงินรางวัล 11 ต่อ 1
• Corner เดิมพันสี่ตัวเลขที่อยู่ติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม จ่ายเงินรางวัล 8 ต่อ 1
• Six Line เดิมพันหกตัวเลขในสองแถวที่ติดกัน จ่ายเงินรางวัล 5 ต่อ 1

เดิมพันภายนอก (Outside Bets)

เป็นทางเลือกที่ให้โอกาสในการชนะสูงกว่า แต่ผลตอบแทนที่ได้จะน้อยกว่า ได้แก่

• Column เดิมพัน 12 ตัวเลขในคอลัมน์แนวตั้ง จ่ายเงินรางวัล 2 ต่อ 1
• Odd/Even เดิมพันตัวเลขคี่หรือคู่ทั้งหมด แต่เลข 0 จะถือเป็นการแพ้ทั้งสองฝ่าย ถ้าชนะจะจ่ายเงิน 1 ต่อ 1
• Red/Black เดิมพันสีแดงหรือสีดำ จ่ายเงิน 1 ต่อ 1 เช่นกัน
• 1-18/19-36 เดิมพันครึ่งล่าง (1-18) หรือครึ่งบน (19-36) ของตารางตัวเลข ถ้าชนะจ่ายเงิน 1 ต่อ 1

ในฐานะมือใหม่ แนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยการเดิมพันแบบง่าย ๆ ก่อน จนกว่าจะเริ่มคุ้นเคยกับเกม เมื่อมั่นใจและมีงบประมาณเพียงพอ ค่อยลองปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดิมพัน ด้วยวิธีนี้คุณจะค้นพบได้เร็วขึ้นว่าสไตล์ไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด

เล่นรูเล็ตสดหรือรูเล็ตออนไลน์ดีกว่ากัน?

เมื่อพูดถึงกฎกติกาพื้นฐานแล้ว ทั้งรูเล็ตสดและรูเล็ตออนไลน์ก็ค่อนข้างเหมือนกัน การเลือกระหว่างสองรูปแบบนี้จึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวเป็นหลัก โดยข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ รูเล็ตสดเล่นในคาสิโนจริง ส่วนรูเล็ตออนไลน์เล่นผ่านหน้าจออินเทอร์เน็ต

ในรูเล็ตออนไลน์ อัตราการจ่ายเงินรางวัลมักจะดีกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคาสิโนออนไลน์มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ต่ำกว่า การเดิมพันจึงมีโอกาสได้รับเงินคืนมากกว่าเมื่อเทียบกับการเดิมพันแบบเดียวกันในคาสิโนจริง

ส่วนในคาสิโนจริงนั้น อาจมีตัวเลือกในการเล่นรูเล็ตให้เลือกน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับขนาดและศักยภาพของคาสิโนแต่ละแห่ง ในทางตรงกันข้าม หากเล่นรูเล็ตออนไลน์ คุณมักจะได้เลือกเล่นจากหลากหลายเวอร์ชันและค่ายเกม

เรื่องของวงเงินเดิมพันก็เช่นกัน รูเล็ตออนไลน์มักมีตัวเลือกที่หลากหลายกว่าคาสิโนจริง ผู้เล่นที่มีงบประมาณไม่สูงมากนัก อาจหาโต๊ะรูเล็ตออนไลน์ที่รองรับการเดิมพันขั้นต่ำได้ง่ายกว่า

ข้อดีอีกอย่างของการเล่นรูเล็ตออนไลน์คือ ความสะดวกสบายในการเล่นจากที่บ้าน และมีสิ่งรบกวนน้อยกว่าการนั่งโต๊ะในคาสิโน หากคุณเป็นคนที่ชอบเก็บงำความลับในการเล่นพนัน รูเล็ตออนไลน์ก็เป็นตัวเลือกในอุดมคติเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณชอบบรรยากาศของคาสิโนจริง ลองเสาะหาโต๊ะรูเล็ตสดที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ดูก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

เคล็ดลับและกลยุทธ์การเล่นรูเล็ต

เมื่อศึกษากฎพื้นฐานมาพอสมควรแล้ว เรามาดูเคล็ดลับและกลยุทธ์ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณใช้ความรู้เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดกัน

• ลองเล่นเกมรูเล็ตฟรีก่อน – สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ลองเล่นรูเล็ตออนไลน์ฟรีก่อน (ถ้ามีโอกาส) เพื่อทำความคุ้นเคยและสั่งสมประสบการณ์โดยไม่เสี่ยงเงินจริง
• กำหนดงบประมาณ – อย่าลืมเล่นแต่พอดี ควรกำหนดงบประมาณและอย่าเดิมพันเกินกำลังทางการเงิน
• เลือกรูปแบบการเดิมพันให้เหมาะกับตัวเอง – เดิมพันส่วนใหญ่จะมีอัตราเปรียบเทียบที่ใกล้เคียงกัน แต่การเลือกเดิมพันที่เหมาะกับสไตล์การเล่นและงบประมาณของคุณก็สำคัญไม่แพ้กัน
• อดทนรอคอย – เมื่อหมายเลขที่ชนะถูกประกาศแล้ว อย่ารีบวางเดิมพันใหม่จนกว่าเงินรางวัลทั้งหมดจะถูกจ่ายให้ผู้ชนะเสร็จสิ้น
• หลีกเลี่ยงการเดิมพัน Top Line – หากเลือกเล่นรูเล็ตอเมริกัน ระวังการเดิมพัน Top Line (0, 00, 1, 2, 3) ซึ่งมีอัตราเปรียบเทียบสูงถึง 8% แม้จะจ่ายเงินรางวัล 6 ต่อ 1 ก็ตาม
• อย่าหลงเชื่อระบบเดิมพัน – ระบบพวกนี้ไม่ได้ช่วยลดอัตราเปรียบเทียบลงเลย หากคิดจะใช้สักระบบ อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ก่อนว่ามันจะช่วยคุณได้จริงแค่ไหน ระบบเดิมพันที่โด่งดังที่สุดคือ Martingale ลองศึกษาดูก่อนจะตัดสินใจนำมาใช้จริง นอกจากนี้อย่าลืมตรวจเช็คข้อกำหนดของคาสิโนด้วยว่าอนุญาตให้ใช้ระบบเดิมพันหรือไม่
• มองหาโต๊ะที่มีตัวเลือก Surrender – การเลือกเล่นในคาสิโนที่มีกฎ Surrender จะช่วยเพิ่มอัตราต่อรองให้คุณได้
• อย่าไล่ล่าความสูญเสีย – เป็นเรื่องปกติที่จะแพ้บ้างชนะบ้าง อย่าหลงกับดักคิดว่าต้องเอาคืนให้ได้เมื่อเสียเดิมพันไป เพราะนั่นอาจยิ่งทำให้คุณขาดทุนหนักกว่าเดิม
• สังเกตอัตราต่อรอง – การเดิมพันตัวเลขเดี่ยวมีอัตราต่อรองต่ำที่สุด ขอแนะนำให้หาเดิมพันที่จ่ายใกล้เคียง 1 ต่อ

ด้วยเคล็ดลับและกลยุทธ์เหล่านี้ คุณสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นรูเล็ตของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าคุณจะค้นพบว่าตนเองชื่นชอบเวอร์ชันใดของเกมเป็นพิเศษ รวมถึงสนุกไปกับการเดิมพันแบบต่าง ๆ มากขึ้น

เกมรูเล็ตโดยสรุป

หวังว่าถึงตอนนี้คุณคงมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับรูเล็ตมากพอที่จะเริ่มต้นเล่นได้แล้ว ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ ความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคุณอาจค้นพบว่าตัวเองถนัดเล่นรูเล็ตแบบใด ชื่นชอบการเดิมพันรูปแบบใดเป็นพิเศษ

สิ่งสำคัญที่ควรจดจำไว้คือ อย่าเข้าเล่นรูเล็ตโดยที่ยังไม่เข้าใจอัตราต่อรองดีพอ และอย่าลืมศึกษาเรื่องตารางการเดิมพันขั้นต่ำของแต่ละโต๊ะด้วย คุณไม่อยากเดินเข้าไปเจอโต๊ะที่วงเงินเดิมพันขั้นต่ำสูงเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัดใจแน่ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือ เหมือนกับการพนันประเภทอื่น ๆ รูเล็ตเป็นเกมที่อาศัยโอกาสและความน่าจะเป็นเป็นหลัก ดังนั้นอย่าหลงระเริงจนเกินไป และอย่าลืมเล่นอย่างมีสติรู้ตัวเสมอ อย่าเสี่ยงเงินที่คุณรับไม่ได้หากสูญเสียมัน จงใช้สามัญสำนึกในการเล่น รู้จักควบคุมตัวเอง และหยุดเมื่อถึงเวลาอันควร

ความนิยมของรูเล็ตในคาสิโนและความแตกต่างของรูเล็ตทั้งสองแบบ

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักพนันหน้าใหม่หรือผู้เล่นตัวยงที่ชื่นชอบการเสี่ยงโชค คุณคงเคยได้ยินชื่อของ “รูเล็ต” มาบ้างไม่มากก็น้อย รูเล็ตเป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีรูปแบบการเล่นที่เข้าใจง่าย แต่ก็มีความท้าทายและตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้เกมไพ่หรือสล็อตแมชชีน

เมื่อเอ่ยถึงรูเล็ต หลายคนอาจนึกถึงภาพของวงล้อขนาดใหญ่ที่หมุนวนไปมาท่ามกลางเสียงลูกบอลกระทบกับช่องตัวเลข และเสียงเฮของผู้เล่นที่ลุ้นระทึกรอผลการหมุน แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบก็คือ รูเล็ตนั้นมีอยู่ด้วยกันถึง 2 ประเภท ที่มีกฎกติกาและรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน นั่นคือ รูเล็ตอเมริกัน (American Roulette) และรูเล็ตยุโรป (European Roulette)

ความแตกต่างหลักๆ ของรูเล็ตทั้งสองอยู่ที่การออกแบบวงล้อ โดยวงล้อรูเล็ตยุโรปนั้นจะมี 37 ช่อง ประกอบด้วยตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 36 ในขณะที่วงล้อรูเล็ตอเมริกันจะมีช่องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่อง กลายเป็น 38 ช่อง โดยช่องที่เพิ่มเข้ามาคือช่องเลข 00 (ศูนย์คู่) ซึ่งอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป แต่มันส่งผลอย่างมากต่อโอกาสในการชนะและความได้เปรียบของเจ้ามือ

จุดประสงค์ของเกมและวิธีการเดิมพัน

กฎกติกาการเล่นรูเล็ตนั้นไม่ซับซ้อน คุณสามารถเรียนรู้วิธีเล่นรูเล็ตได้ในเวลาไม่นาน แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาซักระยะในการทำความเข้าใจและคุ้นเคยกับเกมอย่างถ่องแท้ โดยเป้าหมายหลักของเกมคือการทายผลว่า ลูกบอลจะไปหยุดลงที่ช่องตัวเลขใดบนวงล้อ

การเดิมพันรูเล็ตนั้น ผู้เล่นจะใช้ชิปวางเดิมพันบนตัวเลข (หรือกลุ่มของตัวเลข) ที่ต้องการจะเดิมพัน โดยจะมีอัตราการจ่ายเงินที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบและโอกาสที่จะถูกรางวัล เริ่มตั้งแต่ 1 ต่อ 1 ไปจนถึง 35 ต่อ 1

นอกจากนี้ รูปแบบการเดิมพันยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ การเดิมพันตัวเลขภายใน (Inside Bets) ซึ่งเป็นการวางเดิมพันบนตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งหรือกลุ่มตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเดิมพันเลขตรง (Straight Up) การเดิมพัน 2 เลข (Split) การเดิมพัน 3 เลข (Street) เป็นต้น ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ การเดิมพันตัวเลขภายนอก (Outside Bets) ซึ่งเป็นการวางเดิมพันแบบกลุ่มใหญ่ที่ครอบคลุมตัวเลขหลายตัว เช่น การเดิมพันสี (Red/Black) การเดิมพันคู่/คี่ (Even/Odd) การเดิมพันโซนตัวเลข (1st 12, 2nd 12 หรือ 3rd 12) เป็นต้น

กฎที่แตกต่างกันเนื่องจากช่อง 00 ในรูเล็ตอเมริกัน

เนื่องจากวงล้อรูเล็ตอเมริกันมีช่องเพิ่มเติมเข้ามา คือช่อง 00 จึงทำให้กฎกติกาบางอย่างของรูเล็ตสองรูปแบบนี้แตกต่างกันไปด้วย

ประการแรก คือ ในรูเล็ตอเมริกัน จะมีการเดิมพันแบบพิเศษที่เรียกว่า “Five Number Bet” หรือ การเดิมพัน 5 ตัวเลข ซึ่งจะเป็นการเดิมพันแบบรวมช่องเลข 1, 2, 3, 0 และ 00 เข้าด้วยกัน โดยมีอัตราการจ่ายเงินรางวัลสูงถึง 6 ต่อ 1 แต่ในทางกลับกัน ก็เป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เพราะหากไม่ถูกรางวัล ก็เท่ากับว่าเสียเงินเดิมพันไป 5 เท่า และด้วยอัตราเปรียบเทียบของบ่อน (House Edge) ที่สูงถึง 7.89% จึงถือเป็นการเดิมพันที่มีความได้เปรียบต่ำมากสำหรับผู้เล่น

ประการที่สอง คือ ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของรูเล็ตอเมริกันและยุโรป นั่นคือ อัตราเปรียบเทียบของบ่อน (House Edge) ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เล่นควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ในรูเล็ตอเมริกัน อัตราเปรียบเทียบของบ่อนอยู่ที่ 5.26% ในขณะที่รูเล็ตยุโรปมีอัตราอยู่ที่ 2.70% ซึ่งเกือบจะเป็น 2 เท่าของรูเล็ตยุโรปเลยทีเดียว

กล่าวคือ ในรูเล็ตอเมริกัน โอกาสที่ผู้เล่นจะชนะนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับรูเล็ตยุโรป เนื่องจากการเพิ่มช่องเลข 00 เข้ามา ถึงแม้ว่าการจ่ายเงินรางวัลและอัตราต่อรองของการเดิมพันแต่ละแบบในรูเล็ตทั้งสองจะเหมือนกันทุกประการก็ตาม

สิ่งนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันส่งผลอย่างมากในระยะยาว หากผู้เล่นเดิมพันอย่างต่อเนื่องในรูเล็ตอเมริกัน เจ้ามือจะมีความได้เปรียบสูงกว่า มีโอกาสกอบโกยเงินจากผู้เล่นได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เล่นต้องพิจารณาให้ดี ก่อนตัดสินใจเลือกเล่นรูเล็ตสองแบบนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะและรักษาผลประโยชน์ของตนเองในระยะยาว

หากคุณเป็นมือใหม่ในการเล่นรูเล็ต ก็อย่าพึ่งท้อใจไป การทำความเข้าใจในหลักการเล่นพื้นฐานนั้นไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องศึกษากฎกติกา วิเคราะห์ความน่าจะเป็น ตั้งงบประมาณในการเดิมพันอย่างชาญฉลาด และที่สำคัญที่สุดคือ รู้จักควบคุมอารมณ์ เล่นอย่างมีวินัย ไม่ตกเป็นทาสของการพนัน ถ้าทำได้ตามนี้ คุณก็จะสนุกไปกับรูเล็ตได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ยังมีโอกาสลุ้นรับเงินรางวัลอย่างคุ้มค่าอีกด้วย

การจัดเรียงตัวเลขบนวงล้อที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างสำคัญประการแรกเมื่อเปรียบเทียบรูเล็ตยุโรปและรูเล็ตอเมริกัน คือ การจัดเรียงตัวเลขบนวงล้อ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า วงล้อรูเล็ตยุโรปมีช่องทั้งหมด 37 ช่อง ประกอบด้วยตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 36 ในขณะที่วงล้อรูเล็ตอเมริกันมีช่องเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่อง คือ ช่อง 00 ทำให้มีทั้งหมด 38 ช่อง

แต่ที่น่าสนใจคือ การเพิ่มช่อง 00 ในรูเล็ตอเมริกันนั้น ไม่ใช่แค่การแทรกช่องเข้าไปในลำดับตัวเลขของรูเล็ตยุโรปแบบสุ่ม หากแต่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเลขทุกตัวบนวงล้อใหม่ทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ การจัดเรียงตัวเลขในวงล้อรูเล็ตอเมริกันนั้นแตกต่างไปจากวงล้อรูเล็ตยุโรปอย่างสิ้นเชิง

การจัดเรียงตัวเลขบนวงล้อรูเล็ตนั้นไม่ได้เป็นไปแบบสุ่มหรือไร้แบบแผน แต่มีการคำนวณทางคณิตศาสตร์และความน่าจะเป็นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสมดุลและความยุติธรรมแก่ผู้เล่นมากที่สุด โดยตัวเลขแดงและดำจะถูกวางสลับกันไปมา ตัวเลขคู่และคี่ก็ถูกจัดเรียงกระจายตัว ไม่มีตัวเลขใดที่ติดกันเกิน 2 ตัว เป็นต้น

แม้ว่าการจัดเรียงตัวเลขที่ต่างกันของรูเล็ตสองแบบนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลไกการเล่น เพราะไม่ว่าลูกบอลจะไปหยุดที่ช่องไหน อัตราการจ่ายเงินรางวัลก็ยังเป็นอัตราเดียวกัน แต่ในแง่ของความรู้สึก อาจทำให้ผู้เล่นที่คุ้นเคยกับการจัดเรียงตัวเลขแบบใดแบบหนึ่งรู้สึกสับสนได้บ้าง โดยเฉพาะนักเล่นที่ใช้เทคนิคการจำแนวของตัวเลข

ดังนั้น หากคุณเป็นผู้เล่นที่ชื่นชอบรูเล็ตยุโรป แล้วต้องไปเล่นรูเล็ตอเมริกันในคาสิโนที่ลาสเวกัสเป็นครั้งแรก การจัดเรียงตัวเลขที่เปลี่ยนไปอาจทำให้คุณต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่โตนัก ถ้าเข้าใจหลักการพื้นฐานของเกมเป็นอย่างดี

ความแตกต่างของอัตราเปรียบเทียบของบ่อน (House Edge)

ในประเด็นเรื่องอัตราเปรียบเทียบของบ่อนหรือ House Edge นั้น นับว่าเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างรูเล็ตอเมริกันและรูเล็ตยุโรป ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อโอกาสในการชนะของผู้เล่นในระยะยาว

อัตราเปรียบเทียบของบ่อนในรูเล็ตอเมริกันนั้นสูงถึง 5.26% เกือบจะเป็นสองเท่าของรูเล็ตยุโรปที่มีอัตราเพียง 2.70% เหตุผลหลักก็คือการมีช่องเลข 00 เพิ่มเข้ามานั่นเอง ซึ่งเพิ่มโอกาสให้ผู้เล่นเสียเงินเดิมพันมากขึ้นนั่นเอง

กล่าวคือ สำหรับการเดิมพันแบบ 1:1 เช่น การเดิมพันสีแดง/ดำ การเดิมพันคู่/คี่ หรือการเดิมพัน 1-18 / 19-36 ในรูเล็ตยุโรป ผู้เล่นจะมีโอกาสชนะ 48.6% (18 ช่องจาก 37 ช่อง) และแพ้ 51.4% (19 ช่องจาก 37 ช่อง รวมกับช่อง 0)

แต่ในรูเล็ตอเมริกัน ด้วยการมีช่อง 00 เพิ่มเติม ทำให้โอกาสในการชนะของผู้เล่นลดลงเหลือ 47.4% (18 ช่องจาก 38 ช่อง) และโอกาสแพ้เพิ่มขึ้นเป็น 52.6% (20 ช่องจาก 38 ช่อง รวมกับช่อง 0 และ 00)

ความแตกต่างเพียง 2.56% นี้ดูเหมือนจะเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่มันจะส่งผลในระยะยาว โดยเฉพาะกับผู้ที่เล่นเป็นประจำหรือทุ่มเงินเดิมพันจำนวนมาก ลองคิดง่ายๆ ว่า ในการเดิมพัน 100 ครั้ง หากเล่นรูเล็ตอเมริกัน ในทางสถิติแล้วคุณจะแพ้มากกว่าชนะถึง 5 ครั้ง แต่หากเล่นรูเล็ตยุโรป คุณจะแพ้มากกว่าชนะเพียง 3 ครั้ง

แน่นอนว่า รูเล็ตเป็นเกมที่อาศัยความน่าจะเป็นและโชคเป็นหลัก ยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ในระยะสั้นได้ แต่เมื่อเล่นซ้ำไปเรื่อยๆ ความได้เปรียบนี้จะเพิ่มโอกาสให้คุณมีเงินทุนหมดเร็วขึ้นนั่นเอง

กฎ En Prison และ La Partage ในรูเล็ตยุโรป

อีกสองกฎที่แตกต่างสำคัญ ซึ่งมีเฉพาะในรูเล็ตยุโรปเท่านั้น คือ กฎ En Prison และ La Partage ซึ่งทั้งสองกฎนี้จะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ลูกบอลไปหยุดที่ช่องเลข 0

กฎ En Prison เป็นกฎที่ช่วยลดความเสี่ยงให้ผู้เล่น โดยเมื่อลูกบอลไปหยุดที่เลข 0 และคุณเดิมพันแบบ 1:1 ไม่ว่าจะเป็นการเดิมพันสีแดง/ดำ คู่/คี่ หรือสูง/ต่ำ แทนที่คุณจะแพ้เดิมพันไปเลย เงินเดิมพันของคุณจะถูกกักไว้ก่อน (imprisoned) และจะได้รับการตัดสินในรอบถัดไป

หากในรอบถัดไป คุณเดิมพันถูก (เช่น หากคุณเดิมพันสีแดงในรอบที่แล้ว และรอบนี้ลูกบอลไปหยุดที่ช่องสีแดง) คุณก็จะได้เงินเดิมพันคืน (แต่ไม่ได้กำไรเพิ่ม) แต่หากเดิมพันผิด คุณก็จะเสียเงินเดิมพันที่ถูกกักเอาไว้นั่นเอง

ส่วนกฎ La Partage หรือ “Surrender” จะคล้ายกับกฎ En Prison แต่แทนที่คุณจะต้องรอเดิมพันในรอบถัดไป กฎนี้จะให้คุณเสียเงินเดิมพันไปแค่ครึ่งเดียวทันที ในกรณีที่ลูกบอลหยุดที่ช่อง 0 และคุณเดิมพันเสมอ 1:1

ตัวอย่างเช่น หากคุณเดิมพัน 100 บาทกับสีแดง แล้วลูกบอลหยุดที่เลข 0 คุณจะได้เงิน 50 บาท กลับมาทันที จบเกมโดยไม่ต้องรอเดิมพันรอบถัดไป

กฎ En Prison และ La Partage ถือเป็นข้อได้เปรียบของผู้เล่นในรูเล็ตยุโรปอย่างมาก เพราะมันจะช่วยลดอัตราเปรียบเทียบของบ่อน (House Edge) ให้เหลือเพียง 1.35% เท่านั้น ส่งผลให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะมากขึ้นนั่นเอง แต่กฎเหล่านี้ไม่ได้มีบังคับใช้กับทุกคาสิโน ดังนั้น ผู้เล่นอาจต้องสอบถามกับเจ้ามือหรืออ่านคู่มือการเล่นให้แน่ใจก่อน

Call Bets – ประเภทการเดิมพันเฉพาะในรูเล็ตยุโรป

Call Bets หรือการเดิมพันแบบขานเลข เป็นการเดิมพันรูปแบบหนึ่งที่มีเฉพาะในรูเล็ตยุโรปเท่านั้น คุณสมบัติพิเศษของการเดิมพันประเภทนี้ ก็คือ ผู้เล่นจะไม่ต้องวางชิปลงไปบนโต๊ะพนันด้วยตัวเองโดยตรง แต่จะสามารถบอกหรือขานชื่อของการเดิมพันที่ต้องการให้เจ้ามือได้ยินแทน จากนั้นเจ้ามือจะเป็นคนวางชิปลงไปบนตารางเดิมพันให้เอง

• Call Bets นั้นจะเป็นการเดิมพันที่ครอบคลุมส่วนต่างๆ ของวงล้อรูเล็ต โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่
• Voisins du zero (เพื่อนบ้านของศูนย์) – เป็นการเดิมพันตัวเลข 17 ตัวที่อยู่โดยรอบเลข 0 บนวงล้อ
• Jeu zero (Zero Game) – คล้ายกับ Voisins du zero แต่จะครอบคลุมตัวเลขเพียง 7 ตัว ที่อยู่ติดกับเลข 0
• Le tiers du cylinder (Thirds of the Wheel) – การเดิมพัน 12 ตัวเลข โดยแบ่งเป็น 6 คู่
• Orphelins (Orphans) – การเดิมพันกลุ่มตัวเลขที่เหลือ 8 ตัว ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับเลข 0 บนวงล้อ

ข้อดีของการเดิมพัน Call Bets คือ ผู้เล่นจะได้ครอบคลุมตัวเลขในสัดส่วนถึง 60% ของวงล้อในคราวเดียว แต่ก็จะต้องใช้เงินเดิมพันจำนวนมากพอสมควร เพราะการเดิมพันแบบ Voisins du zero เพียงแบบเดียวก็จะต้องวางชิปเดิมพันทั้งหมด 9 ชิปแล้ว

อย่างไรก็ตาม Call Bets ถือเป็นการเดิมพันที่ต้องใช้ทักษะการจำแนวของตัวเลขบนวงล้อ รวมถึงการแบ่งสัดส่วนเงินเดิมพันให้เหมาะสม จึงเป็นการเดิมพันที่เหมาะกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์พอสมควร ส่วนผู้เล่นมือใหม่อาจเริ่มต้นจากการเดิมพันอื่นๆ ที่ง่ายกว่า แล้วค่อยมาลอง Call Bets ทีหลังก็ได้

Five Number Bet – การเดิมพันพิเศษในรูเล็ตอเมริกัน

เรามาต่อกันที่การเดิมพันพิเศษที่มีเฉพาะในรูเล็ตอเมริกันกันบ้าง นั่นก็คือ Five Number Bet หรือการเดิมพัน 5 ตัวเลข ซึ่งจะเป็นการเดิมพันพร้อมกันในช่องเลข 0, 00, 1, 2 และ 3

ความพิเศษของ Five Number Bet คือ มันเป็นการเดิมพันที่มีอัตราการจ่ายเงินสูงสุดในรูเล็ต นั่นคือ 6:1 หรือหากเดิมพัน 100 บาท เราจะได้เงินรางวัลถึง 600 บาท หากลูกบอลไปหยุดในช่องใดช่องหนึ่งใน 5 ช่องนี้

อย่างไรก็ตาม มันก็ถือเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดเช่นกัน เพราะมีโอกาสที่จะถูกรางวัลเพียง 13.16% (หรือ 5 ใน 38) และด้วยอัตราเปรียบเทียบของบ่อนที่สูงถึง 7.89% จึงเป็นการเดิมพันที่ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ในหมู่นักพนัน แม้จะมันจะมีอยู่ในตารางเดิมพันของรูเล็ตอเมริกันก็ตาม

ผลตอบแทนต่อผู้เล่น (RTP) และความแตกต่างของโอกาสในการชนะ

สุดท้ายนี้ เรามาพูดถึงความแตกต่างสำคัญของรูเล็ตสองแบบในเชิงของโอกาสในการชนะและอัตราผลตอบแทนต่อผู้เล่น หรือ Return to Player (RTP) กัน การที่วงล้อรูเล็ตอเมริกันมีช่องเลข 00 เพิ่มเข้ามา ทำให้มันมีผลอย่างมากต่ออัตราการจ่ายผลตอบแทนโดยรวมของทุกการเดิมพัน

ในรูเล็ตยุโรป อัตราผลตอบแทนต่อผู้เล่น (RTP) ในการเดิมพันทุกรูปแบบนั้น จะอยู่ที่ 97.3% ส่วนในรูเล็ตอเมริกัน อัตรา RTP จะลดลงเหลือ 94.7% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด

จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่อัตรา RTP แตกต่างกันขนาดนี้ แต่เงินรางวัลที่จ่ายตามอัตราต่อรองในทุกการเดิมพันนั้นเท่ากันทั้งคู่ คือเริ่มตั้งแต่ 1 ต่อ 1 ไปจนถึง 35 ต่อ 1 ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว มันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความได้เปรียบที่มากกว่าของเจ้ามือในรูเล็ตอเมริกันนั่นเอง

หากพิจารณาในระยะยาว ความแตกต่างของค่า RTP ที่ 2.6% นี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากในเชิงสถิติ โดยในทุกๆ การเดิมพัน 1,000 บาท ในรูเล็ตอเมริกัน ผู้เล่นจะมีโอกาสเสีย 53 บาท ในขณะที่รูเล็ตยุโรปจะเสียเพียง 27 บาท ซึ่งแม้จะดูไม่ได้แตกต่างกันมากในระยะสั้น แต่มันจะส่งผลอย่างหนักหากเล่นบ่อยๆ หรือเล่นด้วยเงินจำนวนมาก

คำถามหนึ่งที่มักพบบ่อยคือ “ฉันสามารถเดิมพันอะไรได้บ้างในเกม Roulette?” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องรู้คำตอบ หากคุณต้องการเล่น Roulette และชนะ แม้แต่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ยาวนานหลายคน ก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการเดิมพันใน Roulette ทำงานอย่างไร ในขณะที่บางคนอาจต้องการเคล็ดลับเกี่ยวกับการเดิมพันประเภทที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม

ในบทความนี้ เราจะอธิบายรายการการเดิมพัน Roulette อย่างครบถ้วน เป็นภาพรวมที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทุกอย่างตั้งแต่การเดิมพันภายในและภายนอกพื้นฐาน ไปจนถึงตัวเลือกขั้นสูงอย่าง Neighbor Bets, Call Bets, Final Bets และอื่นๆ อีกมากมาย

ประเภทการเดิมพัน Outside Bets

ในเกม Roulette นั้น มีประเภทของการเดิมพันที่หลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ Inside Bets และ Outside Bets โดยในส่วนนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Outside Bets กันอย่างละเอียด ซึ่งเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า Inside Bets และเหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่ต้องการทำความเข้าใจกับกฎและวิธีการเล่นเกม Roulette

1.    Red/Black, Odd/Even และ High/Low

การเดิมพัน Red/Black, Odd/Even และ High/Low เป็นการเดิมพันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกม Roulette เนื่องจากมีโอกาสในการชนะสูงถึง 50% และจ่ายผลตอบแทนเท่ากับจำนวนเงินที่เดิมพัน (1:1)

Red/Black เป็นการเดิมพันว่าลูกบอลจะตกลงในช่องสีแดงหรือสีดำ ซึ่งมีอยู่ 18 หมายเลขในแต่ละสี (ยกเว้นเลข 0 ที่เป็นสีเขียว)

Odd/Even คือการทายว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเลขคี่หรือเลขคู่ โดยเลข 0 จะไม่นับรวมในการเดิมพันประเภทนี้

High/Low เป็นการเดิมพันว่าลูกบอลจะตกในช่วงเลข 1-18 (Low) หรือ 19-36 (High) ซึ่งเลข 0 ก็จะไม่นับรวมเช่นกัน

ด้วยโอกาสในการชนะที่สูง การเดิมพันประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมสำหรับการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น Martingale System ซึ่งเป็นการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากการสูญเสีย เพื่อให้ได้กำไรเท่ากับยอดเริ่มต้นเมื่อชนะ

2.    Column Bets

Column Bets เป็นการเดิมพันว่าลูกบอลจะตกในคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง จากทั้งหมด 3 คอลัมน์บนตาราง ซึ่งแต่ละคอลัมน์จะมีตัวเลข 12 หมายเลข หากเดิมพันถูก ผู้เล่นจะได้รับเงินในอัตรา 2:1 เท่าของเงินเดิมพัน

ในรูเล็ตแบบมาตรฐาน คอลัมน์มักจะเรียงในแนวตั้ง แต่สำหรับเกมรูเล็ตแบบไลฟ์คาสิโนส่วนใหญ่ คอลัมน์จะปรากฏในแนวนอน โดยมีตัวเลขดังนี้

• คอลัมน์ที่ 1: 1, 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, 28, 31, 34
• คอลัมน์ที่ 2: 2, 5, 8, 11, 14, 17, 20, 23, 26, 29, 32, 35
• คอลัมน์ที่ 3: 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36

3.    Dozens Bets

Dozens Bets คล้ายกับ Column Bets ตรงที่เป็นการเดิมพันกลุ่มของตัวเลข 12 หมายเลขด้วยกัน แต่จะเป็นการแบ่งกลุ่มตัวเลขตามช่วง 1-12 (1st Dozen), 13-24 (2nd Dozen) และ 25-36 (3rd Dozen) ซึ่งอัตราการจ่ายก็จะเป็น 2:1 เท่าของเงินเดิมพันเช่นกัน

การเดิมพัน Dozens นั้นเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากผู้เล่น เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า Red/Black, Odd/Even และ High/Low แม้ว่าจะมีโอกาสในการชนะเพียง 32.4% ในรูเล็ตยุโรป และ 31.6% ในรูเล็ตอเมริกัน

4.    เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นในการชนะ Outside Bets

ความน่าจะเป็นในการชนะ Outside Bets จะแตกต่างกันไประหว่าง รูเล็ตยุโรป กับ รูเล็ตอเมริกัน เนื่องจากวงล้อรูเล็ตอเมริกันจะมีเลข 00 (Double Zero) เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะเพิ่มความได้เปรียบให้กับเจ้ามือ

สำหรับ รูเล็ตยุโรป ซึ่งมีตัวเลข 0-36 รวมทั้งหมด 37 หมายเลข จะมีความน่าจะเป็นในการชนะ ดังนี้

• Red/Black, Odd/Even, High/Low มีโอกาสชนะ 48.60%
• Column Bets และ Dozens Bets มีโอกาสชนะ 32.40%

ในขณะที่ รูเล็ตอเมริกัน ซึ่งมีตัวเลขเพิ่มเป็น 0, 00, 1-36 รวมทั้งหมด 38 หมายเลข มีความน่าจะเป็นในการชนะ ดังนี้

• Red/Black, Odd/Even, High/Low มีโอกาสชนะ 47.40%
• Column Bets และ Dozens Bets มีโอกาสชนะ 31.60%

จะเห็นได้ว่าการเพิ่มเลข 00 ในวงล้ออเมริกันทำให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะลดลงประมาณ 1-2% ในทุกประเภทของ Outside Bets

5.    สรุป Outside Bets

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่น Roulette นั้น การเดิมพันประเภท Outside Bets เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและให้โอกาสในการชนะที่สูงกว่า 50% ในกรณีของ Red/Black, Odd/Even และ High/Low ส่วน Column Bets กับ Dozens Bets นั้นมีโอกาสในการชนะประมาณ 30% แต่จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม หากต้องการชนะในระยะยาว ผู้เล่นควรวางแผนการเดิมพันอย่างรอบคอบ และพิจารณาใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การจัดการทุน (Bankroll Management) หรือการปรับเปลี่ยนขนาดเงินเดิมพันตามผลแพ้ชนะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

นอกจากนี้ ผู้เล่นควรศึกษาความแตกต่างระหว่างรูเล็ตยุโรปและอเมริกัน เนื่องจากอัตราความได้เปรียบของคาสิโนและความน่าจะเป็นในการชนะของผู้เล่นจะแตกต่างกัน โดยแนะนำให้เลือกเล่นรูเล็ตยุโรปมากกว่า เพราะมีเปอร์เซ็นต์ในการชนะที่สูงกว่า

ประเภทการเดิมพัน Inside Bets และ Call Bets

นอกเหนือจากการเดิมพันภายนอก (Outside Bets) แล้ว รูเล็ต ยังมีตัวเลือกการเดิมพันภายใน (Inside Bets) ที่หลากหลายและให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงมากกว่าเช่นกัน และสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการเดิมพันแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ยังมีตัวเลือกพิเศษอย่าง Call Bets ที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับทั้งสองประเภทนี้กันอย่างละเอียด

1.    ประเภทการเดิมพัน Inside Bets

Inside Bets คือการเดิมพันบนตัวเลขใดเลขหนึ่ง หรือกลุ่มของตัวเลขบนตารางวงล้อรูเล็ต ซึ่งมีรูปแบบต่างๆ ดังนี้

• Straight Up เป็นการวางชิปบนตัวเลขใดเลขหนึ่ง (เช่น เลข 7) ซึ่งมีโอกาสชนะ 35:1 แต่มีความเสี่ยงสูงที่สุดเมื่อเทียบกับการเดิมพันแบบอื่น
• Split คือการวางชิปบนเส้นกั้นระหว่าง 2 ตัวเลขที่อยู่ติดกัน (เช่น 7/8 หรือ 10/11) ซึ่งจะชนะในอัตรา 17:1
• Corner เป็นการเดิมพัน 4 ตัวเลขที่อยู่ใกล้กัน โดยวางชิปบนจุดตัดของเส้น (เช่น 10/11/13/14) มีโอกาสชนะ 8:1
• Street หมายถึงการเดิมพัน 3 ตัวเลขในแถวเดียวกันบนตาราง (เช่น 7/8/9 หรือ 28/29/30) ซึ่งจะจ่ายในอัตรา 11:1
• Six Line คือการรวม 2 Street เข้าด้วยกัน เพื่อเดิมพันกับตัวเลข 6 หมายเลขที่ติดกัน (เช่น 31/32/33/34/35/36) ซึ่งให้ผลตอบแทน 5:1
• Basket หรือ First Four เป็นการเดิมพันเฉพาะในรูเล็ตอเมริกัน ซึ่งจะเดิมพันกับเลข 0, 00, 1, 2 และ 3 พร้อมกัน โดยการวางชิปที่มุมของ 0 และ 1 ให้ครอบคลุมทั้ง 4 ตัวเลข ซึ่งจ่ายผลตอบแทน 6:1
• Snake Bet หรือ Red Snake เป็นการเดิมพันสีแดงทั้ง 12 ตัวเลข ได้แก่ 1, 5, 9, 12, 14, 16, 19, 23, 27, 30, 32 และ 34 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างหายาก โดยผู้เล่นสามารถเดิมพัน Snake ได้ทั้งแบบ Single Snake (6 Splits) หรือ Double Snake (12 Splits) ที่ครอบคลุมตัวเลขทั้งหมด

ความน่าจะเป็นในการชนะ Inside Bets จะแตกต่างกันไประหว่างรูเล็ตยุโรปและอเมริกัน เนื่องจากวงล้ออเมริกันมีเลข 00 เพิ่มเข้ามา ในรูเล็ตยุโรป โอกาสชนะ Straight Up อยู่ที่ 2.70%, Split 5.40%, Corner 10.80%, Street 8.10%, Six Line 16.20%, Basket 10.80% และ Snake 32.40% ส่วนในรูเล็ตอเมริกัน โอกาสชนะ Straight Up คือ 2.60%, Split 5.30%, Corner 10.50%, Street 7.90%, Six Line 15.80%, Basket 13.20% และ Snake 31.60%

2.    ประเภทการเดิมพัน Call Bets

สำหรับผู้ที่ต้องการความท้าทายมากขึ้น Call Bets เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งพบได้ในรูเล็ตยุโรปและฝรั่งเศส โดยจะแสดงบนส่วน Racetrack ของโต๊ะ ซึ่งจัดเรียงหมายเลขตามลำดับของวงล้อจริง การเดิมพัน Call Bets จะแบ่งกลุ่มตัวเลขตามตำแหน่งบนวงล้อ และมีหลายรูปแบบย่อยให้เลือก

• Voisins du Zero ครอบคลุม 17 เลขที่อยู่ใกล้เคียงกับเลข 0 ได้แก่ 22, 18, 29, 7, 28, 12, 35, 3, 26, 0, 32, 15, 19, 4, 21, 2, 25 ซึ่งจะใช้ชิป 9 อัน เดิมพัน Straight Up 2 ชิปบน 0/2/3, Corner Bet 2 ชิปบน 25/26/28/29 และ Split 1 ชิปบนแต่ละคู่ของ 4/7, 12/15, 18/21, 19/22, 32/35
• Jeu Zero คือการเดิมพันกับเลข 7 ตัว รอบๆ เลข 0 โดยใช้ชิป 4 อัน เดิมพัน Straight Up 1 ชิปบน 26, Split 1 ชิปบน 0/3, 12/15, 32/35
• Tiers du Cylindre แปลว่า 1 ใน 3 ของวงล้อ ซึ่งเป็นการเดิม 12 ตัวเลข ได้แก่ 27, 13, 36, 11, 30, 8, 23, 10, 5, 24, 16, 33 โดยวาง 6 Splits บน 5/8, 10/11, 13/16, 23/24, 27/30, 33/36
• Orphelins ประกอบด้วยตัวเลขที่ไม่ได้รวมอยู่ใน Voisins และ Tiers ได้แก่ 1, 6, 9, 14, 17, 20, 31, 34 โดยเดิมพัน Straight Up 1 อันบน 1 และ Split บน 6/9, 14/17, 17/20, 31/34
• Neighbors เป็นการเดิมพันแบบเลือกตัวเลขได้เอง โดยใช้ตัวเลขหลักที่เลือก บวกกับ 2 ตัวเลขที่อยู่ติดกันทั้งสองข้างบนวงล้อรูเล็ต เช่น “0 and the Neighbors” จะเดิมพันบนเลข 3, 26, 0, 32, 15

3.    Final และ Full Complete Call Bets

ในกลุ่ม Call Bets นั้น ยังมีการเดิมพันแบบ Finals หรือ Finales ที่น่าสนใจอีกด้วย

• Final en Plain เป็นการเดิมพัน Straight Up บนตัวเลขทั้งหมดที่ลงท้ายด้วยเลขเดียวกัน เช่น “Final 5” คือการเดิมพันบนเลข 5, 15, 25, 35
• Finales a Cheval คือการรวม 2 Final en Plain เข้าด้วยกัน และเดิมพันเพิ่มเติมบน Splits ที่เกี่ยวข้อง เช่น “Finales 0/3” จะเดิมพันบน 0, 3, 10, 13, 20, 23, 30, 33 แบบ Straight Up และ Splits บน 0/3, 10/13, 20/23, 30/33

นอกจากนี้ ยังมีการเดิมพัน Full Complete ซึ่งจะครอบคลุมทุก Inside Bets ที่เกี่ยวข้องกับเลขหลักที่ระบุ โดยจะเดิมพัน 1 ชิปบน Straight Up, 2 ชิปบน Splits, 2 ชิปบน Corner, 2 ชิปบน Street และ 2 ชิปบน Six Line

4.    วิธีการวางเดิมพัน Inside และ Call Bets

วิธีการวางชิปสำหรับการเดิมพัน Inside นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา โดยวางชิปบนตำแหน่งตัวเลขเป้าหมายบนตาราง เช่น วางตรงกลางช่องสำหรับ Straight Up, วางบนเส้นกั้นระหว่างตัวเลขสำหรับ Split, วางบนมุมที่มีเลข 4 ตัวมาบรรจบกันสำหรับ Corner, วางที่ขอบด้านใดด้านหนึ่งของแถวตัวเลขสำหรับ Street และวางที่จุดตัดระหว่างสองแถวสำหรับ Line

ในส่วนของ Call Bets นั้น สำหรับคาสิโนจริง ผู้เล่นจะต้องบอกเจ้ามือก่อนว่าต้องการเดิมพันแบบใด แต่หากเป็นการเล่นออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่สำหรับ Call Bets อยู่บนโต๊ะให้คลิกเลือกได้ทันที ซึ่งจะสะดวกกว่า

5.    สรุป Inside Bets และ Call Bets

การเดิมพัน Inside Bets และ Call Bets เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นและผลตอบแทนที่สูงขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงมากกว่าการเดิมพัน Outside ก็ตาม อย่างไรก็ดี ผู้เล่นควรศึกษารูปแบบต่างๆ ให้เข้าใจถ่องแท้ และวางแผนการเดิมพันอย่างรอบคอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือใหม่ ไม่แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการเดิมพัน Inside หรือ Call Bets เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะสูญเงินเดิมพันทั้งหมดได้ง่ายกว่า ควรเริ่มต้นจากการเดิมพัน Outside ก่อน แล้วค่อยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเดิมพันตามประสบการณ์และงบประมาณที่เหมาะสม

นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเดิมพันแบบ Basket หรือ Top Line ในรูเล็ตอเมริกัน เพราะเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุด ด้วยอัตราต่อรองเพียง 6:1 และอัตราเปรียบเสียเปรียบ (House Edge) สูงถึง 7.9% เมื่อเทียบกับเกมมาตรฐานที่ 5.3% ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรเลือกเล่นรูเล็ตยุโรปที่มีความได้เปรียบมากกว่า (House Edge 2.7%)

1.   เฝ้าดูสถิติการวางเดิมพัน

แม้จะเป็นเกมโยนลูกบอลใส่วงล้อและมีโอกาสที่จะออกรางวัลในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลาย แต่ว่าทุกห้องทุกโต๊ะก็จะมีสถิติการออกรางวัลไว้เหมือนกับพวกบาคาร่า บางโต๊ะอาจจะออกโซนใกล้ ๆ กัน บางโต๊ะอาจจะสลับไปมา ซึ่งรูปแบบการออกมักจะสัมพันธ์กันกับแรงที่ใช้หมุนของดีลเลอร์ การโยนลูก รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ ดังนั้นก่อนวางเดิมพันลองจับทางให้ได้เสียก่อน แล้วโอกาสชนะจะเพิ่มขึ้นแน่

2.   ฝึกอ่านเค้ารูเล็ต

นอกจากสถิติแล้วเค้าการออกรางวัลก็เป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จ แต่การอ่านเค้าเราจะใช้กับการเดิมพันที่มีโอกาสแพ้ชนะ 50/50 อย่างพวก สูง-ต่ำ, แดง-ดำ, คู่คี่ โดยเค้ารูเล็ตจะมีลักษณะดังนี้

• เค้าสลับ รูปแบบการออกจะสลับฝั่งกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น สลับหนึ่ง, สลับสอง รูปแบบการออกก็จะประมาณ ดำ, แดง, ดำ หรือ คู่, คู่, คี่, คี่, คู่, คู่ เป็นต้น
• เค้ามังกร รูปแบบการออกจะต่อเนื่องกันฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เช่น สูง, สูง, สูง, สูง ลักษณะที่เรียกว่าเค้ามังกรมักจะออกฝั่งเดียวติดต่อกันอย่างน้อย 4 ตา
• เค้าตัวตัด รูปแบบการออกจะคล้ายกับมังกร แต่จะมีการออกสลับฝั่งหนึ่งครั้งแล้วกลับมาออกฝั่งเดิม เช่น ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, แดง, ดำ, ดำ เป็นต้น ซึ่งเราต้องดูว่าออกติดกันอีกครั้งถึงจะออกตัวตัด
• เค้าตัวติด รูปแบบการออกจะคล้ายกับเค้าสลับ แต่ว่าจะมีความไม่สม่ำเสมอกัน อาจจะออกติดกัน 3 ตา แล้วสลับออกอีกฝั่ง 2 ตา แล้วกลับมาออกฝั่งเดิมอีกสัก 4 ตา แล้วกลับไปอีกฝั่ง 2 ตา ประมาณนี้

3.   วางแผนการเล่นในแต่ละรอบ

ด้วยความสนุก ง่าย รูปแบบการวางเดิมพันที่หลากหลาย จึงทำให้ใครหลายคนเผลอมีอารมณ์ร่วมไปกับเกม ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเสียจนหมดตัว ควรจะมีแผนการเล่นที่ชัดเจน เช่น วันนี้จะเล่นกี่บาท อยากได้กำไรกี่บาท และจะยอมเสียแค่กี่บาท ที่สำคัญก็คือต้องเล่นตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัดด้วย และอย่าลืมว่าในระยะยาวยังไงเราก็เสียคืนให้คาสิโนแน่ ดังนั้นอย่าเล่นนานจนเกินไป

4.   หาประสบการณ์กับตัวทดลองเล่นก่อน

เดี๋ยวนี้คาสิโนออนไลน์หลายแห่งมีให้เราทดลองเล่นรูเล็ตฟรีกัน หรือบางที่อาจจะให้เป็นเครดิตฟรีไปลองเล่นกันก่อน ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เราคาดเดาเหตุการณ์ได้แม่นยำขึ้น สามารถฝึกวางเดิมพันได้ด้วย รวมถึงการทดลองใช้สูตรต่าง ๆ เมื่อคล่องแล้วค่อยไปเล่นด้วยเงินจริงก็ยังไม่สาย ดีกว่าเอาเงินจริงไปเสี่ยงกับเกมที่ยังไม่คุ้นเคยซึ่งมีโอกาสเสียมากกว่าได้อยู่แล้ว

5.   ไม่เล่นโต๊ะอเมริกา

บางคนอาจไม่ทันสังเกตว่าจะมีโต๊ะรูเล็ตบางโต๊ะที่มีเลข 00 เพิ่มมาอีกช่อง นั่นคือโต๊ะรูเล็ตแบบอเมริกา แม้ว่าจะเพิ่มมาแค่ช่องเดียวแต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าโต๊ะแบบยุโรป

6.   ศึกษาความเสี่ยงในรูปแบบการวางเดิมพัน

สำหรับรูเล็ตแล้วจะมีความเสี่ยงแค่สองระดับคือ สูง กับ ต่ำ อันนี้ให้ดูที่อัตราจ่ายเป็นหลัก หากอันไหนที่จ่ายแพงกำไรดีอันนั้นคือมีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ตรงกันข้ามกับพวกจ่ายแค่เท่าสองเท่าอันนี้จะความเสี่ยงต่ำ คิดกันง่าย ๆ ที่เขาจ่ายถูกก็เพราะมันมีโอกาสออกบ่อย ต่างจากพวกที่นาน ๆ ออกที ต่อให้จ่ายแพงแค่ไหนคาสิโนก็ได้กำไรอยู่ดี

7.   มองหาสูตรรูเล็ตฟรี

สิ่งที่ต้องจำเอาไว้เลยก็คือไม่มีสูตรใดในโลกการันตีผลลัพธ์ การซื้อสูตรรูเล็ตก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีโอกาสชนะเพิ่ม ที่สำคัญคือบางสูตรที่เขาขายกันก็เอาสูตรฟรีนี่แหละมาปรับนิดหน่อยแล้วบอกว่าเป็นสูตรคิดเอง ดังนั้นลองใช้สูตรฟรีแล้วจับทางให้ได้รับรองว่าได้ผลไม่แพ้กัน

8.   เล่นอย่างมีสติ

ไม่ว่าจะเล่นเสียมากหรือได้น้อยก็ไม่ควรจะไปหัวร้อนหรือมีอารมณ์ร่วมกับเกมให้มาก บางคนพอชนะแล้วก็อยากได้เพิ่ม หรือแพ้ก็อยากได้คืน ยิ่งมีสูตรติดตัวเหมือนมีความหวัง สุดท้ายพังทุกราย ไม่มีใครเอาชนะคาสิโนในระยะยาวได้อยู่แล้ว ยิ่งใช้อารมณ์ยิ่งมีแต่เสียกับเสีย

9.   เลือกเล่นกับคาสิโนเว็บตรงเท่านั้น

ไม่ว่าคุณจะเล่นเก่งแค่ไหน ดวงดีเพียงใด ถ้าไปเจอเว็บที่ไม่ยอมจ่ายเงินง่าย ๆ ก็ไร้ประโยชน์ครับ ทางที่ดีเล่นกับเว็บที่น่าเชื่อถือ ลองดูข้อมูลจากพวกเว็บรีวิวคาสิโนก่อนก็ได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสเล่นรูเล็ตได้เงินจริงกันแล้ว

รู้จักรูเล็ตกันก่อน

ก่อนจะเล่นรูเล็ตเรามาทำความรู้จักเกมวงล้อชนิดนี้กันสักเล็กน้อยดีกว่า รูเล็ตนั้นเป็นเกมที่ถือได้ว่ามีความเก่าแก่มาก มีต้นกำเนิดมาจากเมืองน้ำหอมอย่างประเทศฝรั่งเศส ถูกคิดค้นโดย Blaise Pascal นักวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น โดยเขาได้ออกแบบเกมวงล้อที่เป็นการทายสุ่มหมายเลข 0-36 ที่ถูกแบ่งเป็นช่องบนวงล้อ มีการลงสีพื้นหลังแดง ดำ ให้กับหมายเลขคู่และคี่อย่างละ 18 หมายเลข และสีเขียวสำหรับเลข 0 เพื่อแบ่งเป็นรูปแบบการวางเดิมพันให้ผู้เล่นได้ลุ้นรางวัลกัน

ตำแหน่งต่าง ๆ ในการแทงรูเล็ต

Straight Up

เป็นการแทงแบบเต็งเลข โดยที่เราสามารถวางเดิมพันไปที่เลขใดก็ได้ตั้งแต่ 0 – 36 แต่ว่าจะต้องวางชิปตรงหมายเลขที่ต้องการแทงเท่านั้น หากผลรูเล็ตออกมาตรงตามหมายเลขที่แทงไว้ก็จะได้รับเงินรางวัล 35 เท่าของเดิมพัน กันเลยทีเดียว

Split

หรือที่เรียกกันว่าแทงค่อม 2 เลข เป็นการแทงพร้อมกัน 2 ตำแหน่ง โดยตัวเลขทั้งสองจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ติดกันเท่านั้น จะซ้าย ขวา บน ล่าง ได้หมด ยกเว้นแนวทแยงหรือเฉียงจะไม่สามารถแทงแบบ Split ได้ วิธีการวางชิปคือวางไว้บนเส้นกั้นระหว่างตัวเลขทั้งสอง ในกรณีที่รางวัลออกมาตรงกับเลขใดเลขหนึ่งก็จะถือว่าชนะเดิมพันทันที ได้รับเงินรางวัล 17 เท่าของเดิมพัน

Street

เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแทงค่อม 3 การแทงรูปแบบนี้จะแทงได้เฉพาะกลุ่มหมายเลข 0, 1, 2 และ 0, 2, 3 เท่านั้น โดยวางชิปลงบนจุดตัดของเส้นกั้นระหว่างสามหมายเลข หากเลขใดเลขหนึ่งในสามหมายเลขนี้ตรงกับรางวัลที่ออก ก็จะได้รับเงินรางวัล 11 เท่าของเดิมพัน

Square

เป็นการแทงค่อมพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกัน คล้ายกับ Split และ Street โดยทั้งสี่หมายเลขจะต้องอยู่ติดกันในลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 2×2 เช่น หมายเลข 23, 24, 26, 27 เป็นต้น ซึ่งเราจะวางชิปลงบนจุดตัดของเส้นกั้นระหว่างสี่หมายเลขนี้ หากมีหมายเลขใดหมายเลยหนึ่งตรงกับผลรูเล็ต ก็จะได้รับเงินรางวัลทันที 8 เท่า

Basket

เป็นการแทงค่อม 4 หมายเลขเช่นกัน แต่เป็นกลุ่มหมายเลข 0, 1, 2 และ 3 เท่านั้น โดยรางวัลสำหรับการแทงตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 8 เท่า

Line

ในการแทงรูเล็ตตำแหน่งนี้ จะเป็นการวางเดิมพันเพื่อแทงพร้อมกัน 6 หมายเลข หรือแบบค่อม 6 โดยจะเป็นหมายเลข 6 ตัวที่อยู่ติดกัน เช่น 10, 11, 12, 13, 14, 15 เป็นต้น สำหรับอัตราจ่ายจะอยู่ที่ 1 : 5 หรือได้กำไร 5 เท่าหากชนะนั่นเอง

Dozen

เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแทงเต็งโซน โดยหมายเลข 1 – 36 จะถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ

1st ประกอบไปด้วยหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 และ 12

2nd ประกอบไปด้วยหมายเลข 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23 และ 24

3rd ประกอบไปด้วยหมายเลข 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34, 35 และ 36

กรณีที่ออกหมายเลขในโซนที่เราแทง จะได้รับรางวัล 2 เท่าของเดิมพัน แต่ถ้ารูเล็ตออก 0 จะถือว่าเจ้ามือชนะทันที

Column

รูปแบบการแทงจะคล้ายกับ Dozen แต่กลุ่มตัวเลขจะเปลี่ยนไป คือ

1st ประกอบไปด้วยหมายเลข 1, 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, 28, 31 และ 34

2nd ประกอบไปด้วยหมายเลข 2, 5, 8, 11, 14, 17, 20, 23, 26, 29, 32 และ 35

3rd ประกอบไปด้วยหมายเลข 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33 และ 36

กรณีที่ออกหมายเลขในแถวที่เราแทง จะได้รับรางวัล 2 เท่าของเดิมพัน แต่ถ้ารูเล็ตออก 0 จะถือว่าเจ้ามือชนะทันที

Big – Small

เป็นการแทงในรูปแบบสูง-ต่ำ โดย 36 หมายเลข จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มต่ำ ได้แก่หมายเลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 18

กลุ่มสูง ได้แก่หมายเลข 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34, 35 และ 36

สำหรับการแทงตำแหน่งนี้เราจะได้รางวัลอยู่ที่ 1 เท่า เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด แต่ถ้ารูเล็ตออก 0 จะถือว่าเจ้ามือชนะทันที

Even – Odd

เป็นการแทงแบบ คู่ – คี่ โดยหมายเลขจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มเลขคู่ ได้แก่หมายเลข 2, 4, 6, 8, 10, 12, 14, 16, 18, 20, 22, 24, 26, 28, 30, 32, 34 และ 36

กลุ่มเลขคี่ ได้แก่หมายเลข 1, 3, 5, 7, 9, 11, 13, 15, 17, 19, 21, 23, 25, 27, 29, 31, 33 และ 35

หากรูเล็ตออก 0 ถือว่าเจ้ามือชนะ แต่ถ้าออกตัวเลขในกลุ่มที่เราแทงไว้ก็จะได้รับกำไร 1 เท่าของเดิมพัน

Black – Red

เป็นการแทงแบบเต็งสี คือทายว่าจะออกสีดำหรือสีแดง โดยแต่ละสีจะมีกลุ่มหมายเลข ดังนี้

กลุ่มสีดำ ได้แก่หมายเลข 2, 4, 6, 8, 10, 12, 14, 16, 18, 20, 22, 24, 26, 28, 30, 32, 34 และ 36

กลุ่มสีแดง ได้แก่หมายเลข 1, 3, 5, 7, 9, 11, 13, 15, 17, 19, 21, 23, 25, 27, 29, 31, 33 และ 35

หากรูเล็ตออก 0 ถือว่าเจ้ามือชนะ แต่ถ้าออกตัวเลขในกลุ่มที่เราแทงไว้ก็จะได้รับกำไร 1 เท่าของเดิมพัน

ใครที่เพิ่งหัดเล่นรูเล็ตใหม่ ๆ ก็คงคิดว่าแค่วางเดิมพันเข้าไปตามรูปแบบเดิมพันที่มีบนโต๊ะก็พอ ไม่ว่าจะเป็นเต็งเลข, แทงสูง-ต่ำ, แทงสี, แทงโซน, แทงแถว หากดูแค่ผิวเผินอาจมองแค่อัตราจ่ายแล้ววางเดิมพันลงไป แต่รู้หรือไม่ครับว่านั่นไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสชนะเลยหากไม่รู้จักรูปแบบการวางเดิมพันที่แท้จริง เพราะรูเล็ตนั้นจะแบ่งรูปแบบการแทงออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แทงวงนอก กับแทงวงใน ซึ่งมันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมากเลย

รูเล็ตวงนอกคืออะไร เล่นยากไหม ได้เยอะแค่ไหน

รูเล็ตวงนอก เป็นการเล่นที่มีความเสี่ยงต่ำมาก มีโอกาสชนะที่สูง แต่ก็แลกมาด้วยอัตราการจ่ายที่ค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นจุดที่คาสิโนเสียเปรียบเรามากที่สุด จุดนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบเล่นแบบเรื่อย ๆ ไม่ค่อยชอบเสี่ยง ชอบอะไรที่ให้ความมั่นคง แน่นอน ซึ่งวิธีการเล่น รูเล็ตวงนอกก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก รูปแบบการเล่นก็มีดังนี้

1. แทงสี วิธีนี้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่เราวางเดิมพันทายไปว่าการหมุนวงล้อรอบนั้น ลูกบอลจะไปหยุดที่ช่องสีอะไร ซึ่งจะมีแค่สีดำ กับสีแดง เท่านั้น ส่วนสีเขียวของหมายเลข 0 จะไม่สามารถวางเดิมพันได้ เท่ากับว่าหากรูเล็ตออก 0 เราก็จะไม่ได้รางวัลนั่นเอง อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน
2. แทงคู่-คี่ รูปแบบการแทงจะคล้ายกับแทงสี เพียงแค่เปลี่ยนเงื่อนไขมาเป็นเลขคู่กับเลขคี่เอา หากลูกบอลตกอยู่ในช่องเลขคู่หรือเลขคี่ตามที่เราแทงก็ถือว่าชนะ หากตกในช่อง 0 จะถือว่าไม่ถูกรางวัล เพราะเลข 0 ไม่ใช่ทั้งเลขคู่และเลขคี่ ส่วนอัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน
3. แทงสูง – ต่ำ จากตัวเลข 0 – 36 บนวงล้อ จะตัดเลข 0 ออกไป แล้วจัดกลุ่มตัวเลขไว้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มต่ำ (1-18) และกลุ่มสูง (19-36) เราเพียงแค่วางเดิมพันทายว่าลูกบอลจะหยุดที่เลขกลุ่มสูงหรือกลุ่มต่ำ หากออกตรงกับที่วางไว้ เช่น แทงกลุ่มสูง ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 31 ถือว่าเราชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน หากรูเล็ตออก 0 ถือว่ารอบนั้นไม่ออกรางวัล
4. แทงแถว รูปแบบการแทงนี้จะแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 3 แถว คือ

    แถวที่ 1 หรือ 1st มีหมายเลข 1, 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, 28, 31, 34

แถวที่ 2 หรือ 2nd มีหมายเลข 2, 5, 8, 11, 14, 17, 20, 23, 26, 29, 32, 35

แถวที่ 3 หรือ 3rd มีหมายเลข 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36

วิธีการแทงก็แค่ทายไปว่าลูกบอลจะหยุดในแถวไหน หากหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในแถวที่เราแทง เช่น แทงแถวที่ 3 ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 18 ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน

5. แทงโซน อันนี้ก็จะคล้ายการแทงแถว แต่จะเป็นการแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 3 โซน แต่ละโซนจะมีเลขต่างจากแบ่งเป็นแถว ดังนี้

โซนที่ 1 หรือ 1st มีหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12

โซนที่ 2 หรือ 2nd มีหมายเลข 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24

โซนที่ 3 หรือ 3rd มีหมายเลข 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34, 35, 36

ส่วนหมายเลข 0 ไม่อยู่ในโซนใด ๆ วิธีเล่นก็จะเหมือนกับการแทงแถว หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในโซนที่เราแทง เช่น แทงโซน 2 ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 13 แบบนี้ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน

รูเล็ตวงในเป็นอย่างไร แทงยังไง จ่ายแบบไหน

คราวนี้เรามากันที่รูเล็ตวงในกันบ้าง ซึ่งมันจะตรงข้ามกับวงนอกอย่างเห็นได้ชัดคือ อัตราจ่ายที่สูงมาก ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสชนะที่ลดน้อยลง และความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเสี่ยง หรือต้องการทำกำไรในระยะสั้น และยิ่งเอาไปใช้กับสูตรรูเล็ตอื่น หรือสูตรเดินเงิน จะยิ่งทำให้การเล่นรูเล็ตวงในมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการเล่นก็จะมีดังนี้

1. แทงเลขเดียว หรือที่เรียกว่าแทงเต็งเลข เป็นการเจาะจงไปที่เลขใดเลขหนึ่งเท่านั้น แต่ว่าใน 1 ตาเราจะแทงกี่เลขก็ได้ หากลูกบอลหยุดตรงกับหมายเลขที่เราแทงไว้ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 36 ไม่รวมทุน
2. แทง 2 เลข หรือที่เรียกว่าแทงค่อมสอง เป็นการแทงพร้อมกัน 2 หมายเลข โดยหมายเลขดังกล่าวจะต้องอยู่ติดกัน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 17 ไม่รวมทุน
3. แทง 3 เลข หรือแทงค่อมสาม วิธีเล่นจะคล้ายกับแทงโซน แต่จะเป็นการแทงตัวเลข 3 ตัวที่อยู่ติดกันบนโต๊ะแทน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน
4. แทง 4 เลข หรือแทงค่อมสี่ เป็นการแทงพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกันบนโต๊ะในรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส เช่น 1, 2, 4, 5 หรือ 7, 8, 10, 11 เป็นต้น หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน
5. แทง 6 เลข หรือแทงค่อมหก เป็นการแทงคล้ายกับค่อมสาม แต่ว่าจะเป็น 6 เลขที่อยู่ติดกัน หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 5 ไม่รวมทุน

สูตรเดินเงินรูเล็ต ตัวช่วยทำกำไร

ลำพังแค่อาศัยอัตราจ่ายและความเสี่ยงในการเล่นรูเล็ตวงนอกวงในอาจทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย แม้จะเล่นแบบความเสี่ยงทำก็ทำกำไรได้ช้า ยิ่งเล่นหลายตายิ่งเสียคืนคาสิโน ถ้าจะเล่นด้วยความเสี่ยงสูง ได้กำไรเยอะก็จริง แต่โอกาสชนะก็น้อย อาจทำให้ขาดทุนก่อนด้วยซ้ำ

ดังนั้นสูตรเดินเงินรูเล็ต จึงเป็นเหมือนตัวช่วยที่จะลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับเรา ส่วนใหญ่สูตรที่เราคุ้นเคยกันดีก็มีพื้นฐานมาจากสูตรเดินเงินบาคาร่า ไม่ว่าจะเป็นสูตร Martingale, 1324, พาโรลี, ลาบูเซอร์, เดลองเบ และอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่สำหรับรูเล็ตที่ต้องตัดสินใจให้เร็วแล้ว ผมจะพาไปรู้จักกับ 2 สูตรเด่น ๆ เลยก็คือ สูตรเดินเงิน Martingale และสูตรเดินเงิน 1324 ซึ่งสองสูตรนี้ไม่ได้มีดีแค่เข้าใจง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นสูตรที่นักพนันนิยมใช้กันอีกด้วย

สูตรเดินเงิน Martingale

ไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่าผมว่าสูตรเดินเงินตัวนี้ต้องเป็นสูตรแรกที่ทุกคนต้องใช้แน่ บางทีอาจรู้จักกันในชื่อว่าสูตรแทงทบ จุดเด่นของมันเลยก็คือใช้แก้เกมเวลาที่เราเสีย มันจะดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาให้หมดทุกบาททุกสตางค์หรือที่เรียกว่าสูตรถอนทุนนั่นเอง นอกจากนี้มันยังทำกำไรให้อีก 1 หน่วยเป็นค่าเสียเวลาให้เราอีกด้วย

ปัจจัยสำคัญที่คนใช้สูตรนี้นอกจากเงินทุนที่หนาพอประมาณแล้วก็คือ สติกับวินัยในการเล่น หากคุมเกมไม่ดี หรือมีอารมณ์ร่วมบอกเลยว่ากระเป๋าแหก ถังแตกกันมาเยอะแล้ว เพราะหลักการใช้งานของมันคือเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่แทงเสีย

สูตรนี้มันก็มีข้อเสียอีกอย่างคือถ้าใครดวงตกจริง ๆ เล่นแล้วแพ้ยาว ๆ ควรจะหยุด เพราะมันจะทำให้เงินหมดไวมาก ๆ แต่ถ้าแพ้ชนะสลับกันไปอันนี้สูตรจะทำงานได้ดี ถ้าจะให้ดีควรจะเล่นด้วยสูตรนี้ 5 ตา หรือว่า 5 ไม้ แพ้ติดกันครบ 5 เมื่อไหร่ก็รีบหยุดเลย ส่วนใครที่ทุนน้อยผมไม่ยากให้ใช้ เพราะความเสี่ยงมาสูงมากเมื่อเทียบกับเงินในกระเป๋า

ถ้าอยากรู้ว่าเงินที่มีมันมากหรือน้อย ให้เอาเดิมพันขั้นต่ำของโต๊ะมาเป็นตัวหารครับ หากหารแล้วได้ตั้งแต่ 100 ขึ้นไป อย่างนี้ก็พอได้ลุ้นกันหน่อย แต่ถ้าต่ำกว่านี้ควรมองหาสูตรอื่น หรือสูตร 1324 ที่ผมกำลังจะพูดถึงครับ

สูตรเดินเงิน 1324

ใครทุนน้อยผมอยากแนะนำสูตรนี้มาก ๆ แค่เอาชนะติดกัน 4 ตาให้ได้ ก็ทำกำไรให้มากถึง 10 เท่าสำหรับอัตราจ่ายแทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน ยิ่งเป็นอัตราจ่ายอื่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบจะรวยไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้ดูกันเลย

รอบที่ 1 แทงไป 10 บาท ชนะได้กำไรกลับมา 10 บาท ลุยต่อรอบ 2

รอบที่ 2 แทงไป 30 บาท โดยใช้ทุนกับกำไรรอบแรก 20 บาท แล้วเพิ่มทุนไปอีก 10 บาท ชนะได้กำไรกลับมา 30 บาท ตอนนี้ผมได้กำไรทั้งหมด 40 บาทแล้ว จัดรอบต่อไปเลย

รอบที่ 3 แทงไป 20 บาท โดยใช้แค่กำไรที่ได้มาเท่านั้น ยังเหลือกำไรติดกระเป๋าอีก 20 บาท โชคดีชนะ ได้กำไรกลับมา 20 บาท รวมแล้วได้กำไร 60 บาท ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอไปให้สุดเลยแล้วกัน

รอบที่ 4 แทงไป 40 บาท ด้วยกำไรอย่างเดียว เหลือติดกระเป๋าไว้ 20 บาท โชคช่วยได้กำไรกลับมา 40 เท่ากับว่าเล่นมา 4 รอบ ผมได้กำไรไปทั้งหมด 100 บาท จากทุน 10 บาทในรอบแรก

เห็นไหมครับว่ามันทำกำไรได้จริง ๆ แค่เอาชนะ 2 รอบแรกให้ได้ ต่อให้แพ้รอบที่ 3 ก็ยังเหลือกำไรอยู่ดี แล้วแบบนี้ยิ่งอัตราจ่ายสูงขึ้น ยิ่งเหลือกำไรให้เล่นกันอีกบาน

อย่างไรก็ตามนอกจากรูเล็ตแล้ว สูตรเดินเงินที่ผมเอามาแบ่งปันทั้งสองสูตร สามารถเอาไปใช้ได้กับทุกเกมพนันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น บาคาร่า, ไฮโล, เสือมังกร หรือแม้แต่แบล็คแจ็กก็ใช้ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนยังไง ผมอยากให้คุณ ๆ จำสูตรนี้ไว้เลยครับ เล่นได้ให้พอ เสียให้เลิก เพียงเท่านี้ก็จะสนุกไปกับทุกการวางเดิมพันแล้ว ที่สำคัญอย่าเล่นนานเกินไป เพราะท้ายที่สุดไม่มีใครเอาชนะคาสิโนได้ในระยะยาวแน่นอน

รู้จักความเสี่ยงก่อนวางเดิมพัน

ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่า หรือมือเก๋า มักจะมองข้ามเรื่องนี้เสมอ นั่นก็คือความเสี่ยง คนส่วนมากมักจะสนใจสูตรรูเล็ตมากว่า เพราะมันไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เดินตามสูตรก็ได้ผล แต่ลืมดูไปว่ารูเล็ตที่เล่นอยู่มันมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายหมดตัวไวก็มาบอกว่าสูตรไม่ดีอีก

ปกติแล้ว รูเล็ต จะมีความเสี่ยงอยู่ 2 ระดับด้วยกันคือ ความเสี่ยงสูง กับความเสี่ยงต่ำ วิธีดูง่าย ๆ ก็คือดูที่อัตราจ่ายของแต่ละช่อง ถ้าจ่ายน้อยสักไม่เกิน 2 เท่าของทุนถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ โอกาสชนะมีสูงมาก แต่ถ้าจ่ายมากแบบหลายสิบเท่า ถือว่ามีความเสี่ยงสูง โอกาสชนะน้อยมาก

ส่วนรูปแบบการวางเดิมพันของ รูเล็ต ที่มีความเสี่ยงต่ำจะมีดังนี้

• ดำ – แดง คือการทายว่าลูกบอลจะตกอยู่ที่สีใด ระหว่างสีดำกับสีแดง หากตกในช่องที่เราวางเดิมพันไว้ก็ถือว่าชนะ จะได้รับกำไรกลับมา 1 เท่า
• คู่ – คี่ คือการทายว่าลูกบอลจะตกอยู่ที่เลขคู่หรือเลขคี่ หากตกอยู่ตรงกับเลขที่ที่เราแทงก็จะถือว่าชนะ กำไรที่ได้กลับมาคือ 1 เท่า
• สูง – ต่ำ คือการแทงตัวเลขแบบยกกลุ่มว่าลูกบอลจะตกอยู่ในหมายเลขกลุ่มต่ำ (1-18) หรือว่ากลุ่มสูง (19-36) ส่วนเลข 0 จะถือว่าไม่อยู่ในกลุ่มใด ๆ กำไรที่ได้เมื่อทายถูกคือ 1 เท่า
• เต็งแถว คือการทายว่าเลขรางวัลที่ออกนั้นจะอยู่ในแถวใด บนโต๊ะรูเล็ตจะแบ่งตัวเลข 1-36 ไว้ทั้งหมด 3 แถว คือ 1st, 2nd และ 3rd ส่วนหมายเลข 0 จะถูกแยกต่างหาก กำไรที่จะได้รับเมื่อถูกรางวัลคือ 2 เท่า
• เต็งโซน ลักษณะการแทงจะคล้ายกับแทงเต็งแถว มีการแบ่งเป็น 3 โซนคือ 1st, 2nd และ 3rd แต่ละโซนจะมีอยู่ 12 หมายเลข ยกเว้นเลข 0 ที่จะไม่อยู่ในโซน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในโซนที่เราแทงไว้ก็จะได้รับกำไร 2 เท่า เช่นกัน

ทีนี้เรามาดูกันว่าพวกรูเล็ตที่มีความเสี่ยงสูงเขาเล่นกันยังไง และกำไรที่ได้มันล่อตาล่อใจขนาดไหนกันบ้าง

• เต็งเลข คือการวางเดิมพันไปที่เลขใดเลขหนึ่งโดยเฉพาะ เล่นได้ตั้งแต่เลข 0-36 กำไรที่จะได้รับคือ 35 เท่า
• ค่อม 2 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 2 หมายเลขที่อยู่ติดกัน หากถูกเลขใดเลขหนึ่งจะได้รับกำไร 17 เท่า
• ค่อม 3 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 3 หมายเลขที่อยู่แถวเดียวกัน ถ้าถูกเลขใดเลขหนึ่งจะได้รับกำไร 11 เท่า
• ค่อม 4 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกันในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กำไรที่จะได้รับเมื่อถูกรางวัลคือ 8 เท่า
• ค่อม 6 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 6 หมายเลขที่อยู่ติดกัน หรือเป็นการแทงสองแถวที่อยู่ติดกันนั่นเอง หากชนะจะได้กำไ 5 เท่า

สูตรรูเล็ต ยอดฮิตที่ใช้กันมากที่สุด

เนื่องจากรูเล็ตนั้นเป็นเกมพนันที่มีอัตราจ่ายต่างกันแบบสุดกู่เลยก็ว่าได้ ยิ่งตัวไหนที่ให้กำไรดีก็มีโอกาสมากที่จะเสีย ขณะที่การแทงแบบความเสี่ยงต่ำ โอกาสทำกำไรก็มีน้อยเหลือเกิน เลยมีคนคิดใช้สูตรเดินเงินรวมไปถึงสูตรรูเล็ตต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้เอาชนะได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตร 1324, ลาบูเซอร์, อัตราเพิ่มคงที่ แต่สำหรับพี่ใหญ่ที่จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ 2 สูตรจากตระกูลมาร์ติงเกล นั่นก็คือ Winning Martingale และ Super Martingale นั่นเอง

สูตรเดินเงิน Winning Martingale

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสูตร Martingale คือสูตรแทงทบเวลาที่แพ้ เพื่อที่จะถอนทุนที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ว่าสูตรนั้นมีจุดอ่อนตรงที่ผู้ใช้จะต้องมีเงินทุนจำนวนมากถึงจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะทุนหมดก่อนได้เงินคืน และยังมีปัญหาเรื่องทบแล้วเกินเดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้อีก ทำให้ใช้ยากขึ้น

ส่วนสูตร Winning Martingale จะเป็นสูตรที่ย้อนศร Martingale นั่นก็คือวางเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่ชนะ และเงินที่ใช้ก็มาจากกำไรที่ได้ขอรอบก่อน ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนเยอะก็ทำกำไรได้ง่าย ๆ ซึ่งมีวิธีการใช้ดังนี้

ก่อนอื่นจะต้องแบ่งเงินทุนออกเป็นหน่วยเดิมพันเสียก่อน ให้แต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่ากัน จากนั้นก็เริ่มใช้สูตรได้เลย

• เริ่มต้นวางเดิมพัน 1 หน่วย
• ถ้าชนะ รอบต่อไปให้วางเดิมพันเป็น 2 เท่า
• ถ้าแพ้ให้กลับไปวางเดิมพัน 1 หน่วยใหม่อีกครั้ง

สำหรับสูตรนี้มีสิ่งที่ต้องระวังเพียงอย่างเดียวคือเราจำเป็นต้องวางแผนการเล่นด้วยว่าจะใช้สูตรนี้กี่รอบ เพราะถ้าทบเกินไปสุดท้ายอาจเสียกำไรที่ได้มาทั้งหมดไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน

สูตรเดินเงิน Super Martingale

สูตรนี้ถือได้ว่าเป็นสูตรถอนทุนที่พัฒนามาจาก Martingale อีกที เพราะสูตรเก่านั้นแม้จะเรียกเงินที่เสียไปกลับคืนมาได้ แต่กำไรทำได้แค่หน่วยเดียวถือว่าไม่คุ้มค่าเสี่ยง ก็เลยมีการทำสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อดึงกำไรรอบที่เล่นเสียกลับมาด้วย เหมือนย้อนเวลากลับไปชนะนั่นเอง วิธีใช้ก็คือ

• ถ้าเล่นชนะ วางเดิมพัน 1 หน่วยไปจนกว่าจะแพ้
• ถ้าแพ้ ให้วางเดิมพันเป็นสองเท่าและเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งหน่วย ยกตัวอย่างเช่น ตานี้เสีย 2 หน่วย ตาถัดไปวางเดิมพัน 5 หน่วย (4+1) เป็นต้น

การใช้สูตรนี้จำเป็นต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อยสัก 100 หน่วยเพื่อกันแตก เพราะถ้าเริ่มต้นที่ 1 หน่วย สเต็ปเสีย 5 ไม้จะเป็น 1 + 3 + 7 + 15 + 31 = 57 หน่วย และต้องบอกก่อนเลยว่าสูตรนี้ไม่เหมาะกับคนทุนน้อยและคนที่รับความเสี่ยงสูงไม่ไหว

แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็สูตรสูตรนี้ไม่ได้ ใครใช้ได้เรียกว่ารวยแน่ นั่นก็คือ ได้ให้พอ เสียให้เลิก เล่นแบบมีสติ มีเป้าหมาย มีวินัย เพียงเท่านี้การทำกำไรจากรูเล็ตออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

รูเล็ต คิง ออฟ คาสิโน

ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนเล็กหรือใหญ่ แม้แต่คาสิโนออนไลน์ก็ต้องมีเกมพนันชนิดนี้ไว้ให้เล่นกัน เพราะมันคือเกมเดิมพันที่นิยมเล่นกันทั่วโลก เนื่องจากวิธีการเล่นที่ไม่ยุ่งยาก มีรูปแบบเดิมพันที่หลากหลาย อัตราจ่ายที่สมราคา แถมยังมีความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ให้ได้เลือกเล่นตามต้องการในเกมเดียว จึงทำให้ทุกคนต่างพร้อมที่จะลงทุนไปกับมัน ยิ่งลงมายิ่งได้มาก ยิ่งลงน้อยก็ยิ่งเสี่ยงน้อย

วิธีเล่นรูเล็ตก็ไม่ยากเพียงแค่ทายว่าลูกบอลจะหยุดตรงไหนก็เท่านั้น แล้วก็รอให้ดีลเลอร์ดำเนินการเกมไป ส่วนเราก็นั่งลุ้นผลไม่ต้องทำอะไรมาก ส่วนวิธีเล่นและการวางเดิมพันเราจะไม่พูดกันในบทความนี้ เพราะที่นี่เราจะมาคุยกันถึงวิธีที่จะช่วยให้มีโอกาสชนะ คาสิโนออนไลน์ ได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งรวม ๆ กันแล้วก็มีอยู่ 9 อย่างด้วยกันคือ

1. เข้าใจสถิติ เนื่องจากเกมพนันทุกเกมมีค่า House Edge ที่มาจากค่าสถิติ รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่การดูสถิติเราจะดูว่าแต่ละโต๊ะมีการออกรางวัลกันอย่างไร บางโต๊ะอาจออกโซนใกล้ ๆ กัน บางโต๊ะอาจออกสลับไปมา ผลการออกรางวัลเหล่านี้จะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่ อุปกรณ์, แรงหมุน, จังหวะโยนลูก อันนี้ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยเล่น จะช่วงลดความเสี่ยงได้มาก
2. อ่านเค้าให้ออก อันนี้จะต่างจากเรื่องสถิติ ใครที่มีพื้นฐานบาคาร่ามาบ้างก็จะอ่านเค้าได้ไม่ยาก การอ่านเค้า รูเล็ต เราจะมองไปที่การเดิมพันที่มีอัตราแพ้ชนะครึ่งต่อครึ่งอย่างพวกเดิมพัน ดำ-แดง, คู่-คี่, สูง-ต่ำ เป็นต้น โดยเค้าส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น

• เค้าสลับ คือ จะออกรางวัลสับฝั่งกัน อาจจะเป็นตาหรือสองตาก็ได้ แต่มันจะมีความสม่ำเสมอกัน เช่น ดำ, แดง, ดำ, แดง หรือ คู่, คู่, คี่, คี่, คู่, คู่ เป็นต้น
• เค้ามังกร คือ การออกรางวัลแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ตา เช่น ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ เป็นต้น
• เค้าตัวตัด คือ การออกรางวัลติดกันระยะหนึ่งแล้วสลับไปออกอีกฝั่งแค่ 1 ตา ก่อนจะกลับมาออกผลฝั่งเดิม เช่น ดำ, ดำ, ดำ, แดง, ดำ, ดำ, เป็นต้น

3. รู้จักวางแผนการเล่น เป็นสิ่งที่นักพนันทุกคนต้องมี ให้ดูก่อนว่าวันนี้มีเงินทุนไว้เล่น รูเล็ต กี่บาท แล้วมาตั้งเป้าว่าจะเอากำไรกี่บาท ขาดทุนได้กี่บาท และทำตามอย่างเคร่งครัด หากเป้าหมายไหนถึงก่อนให้เลิก หรือถ้าเล่นนานแล้วไม่ถึงสักทีก็ให้รีบเลิก เพราะยิ่งเล่นนานเรายังเสียเปรียบคาสิโนออนไลน์
4. ฝึกวางเดิมพันด้วยการเล่นฟรี เดี๋ยวนี้แทบทุกที่ต่างก็มีโหมดเดโมหรือเล่นฟรีให้เราได้ลองกันแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลกลับมาแต่สิ่งที่เราได้คือวิธีการเล่น ทำให้เข้าใจว่ามันเล่นกันยังไง วางเดิมพันแบบไหนถึงจะทำกำไรได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นที่ทดสอบสูตรรูเล็ตชั้นดีอีกด้วย
5. เลือกโต๊ะก่อนเล่นทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเปิดมาถูกใจดีลเลอร์คนไหนก็เข้าไปเล่นเลยอันนี้มันก็ไม่ใช่ เราเข้ามาเล่นรูเล็ตเพื่อทำกำไร ดังนั้นสิ่งที่ควรดูก่อนเลยคือโต๊ะเป็นแบบไหน มันจะมีแบบยุโรป กับอเมริกา ซึ่งแบบอเมริกาจะมีช่อง “00” เพิ่มมาด้วย และจากความน่าจะเป็นแล้วเรามีโอกาสที่จะชนะบนโต๊ะยุโรปมากกว่า เพราะหมายเลขมันน้อยกว่านั่นเอง
6. เข้าใจระดับความเสี่ยง ทุกเกมพนันมีความเสี่ยง รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่เกมพนันชนิดนี้มีแค่เสี่ยงสูงกับเสี่ยงต่ำ วิธีดูก็ง่าย ๆ ยิ่งอัตราจ่ายสูงยิ่งมีโอกาสถูกน้อย มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียเดิมพัน แต่ถ้าเป็นที่อัตราจ่ายต่ำ ๆ จะทำกำไรได้เรื่อย ๆ เพราะมีความเสี่ยงน้อยอยู่ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ อย่าลืมยิ่งเล่นนานยิ่งเข้าทางค่า House Edge
7. สูตรรูเล็ต อันนี้ถ้าไปเจอใครเอามาขายบอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเลย ส่วนใหญ่ก็จะเอามาทำให้ดูดีนิดหน่อย สุดท้ายก็ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากพวกสูตรแจกฟรี ของแบบนี้อยู่ที่ฝีมือกับดวง
8. เล่นอย่างมีสติ หลายคนหัวร้อนเวลาเสีย ไม่ก็คึกเวลาได้ สุดท้ายไม่เหลือเงินเลยก็มีมาแล้ว ยิ่งคิดจะถอนทุนด้วยสูตรเดินเงินยิ่งเลยเถิดเพราะเล่นแบบไม่มีสติ ดังนั้นหากรู้สึกว่าอารมณ์ไม่นิ่งแล้วให้รีบหยุด ก่อนจะสุดที่ไม่เหลืออะไรเลย

เล่นกับคาสิโนที่น่าเชื่อถือ จาก 8 ข้อที่กล่าวมาอาจล้มเหลวทั้งหมดได้หากไปเล่นกับพวกเว็บปลอม หรือพวกที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นควรดูเจ้าที่ไม่มีประวัติโกง เล่นง่าย จ่ายจริง เสียเวลาหาข้อมูลสักนิดจะช่วยให้เล่นรูเล็ตได้เงินชัวร์