เราจะไขความลับของกลยุทธ์ยอดนิยม ตั้งแต่ Martingale, Paroli, D’Alembert ไปจนถึง Fibonacci พร้อมอธิบายให้เห็นถึงข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในแต่ละระบบ นอกจากนี้ เรายังจะไขข้อสงสัยที่หลายคนอยากรู้ว่า กลยุทธ์ไหนคือตัวเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับการเดิมพันรูเล็ต

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเซียนพนันตัวยง บทความนี้จะเป็นคู่มือที่ช่วยให้คุณเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มโอกาสคว้าชัยชนะจากเกมตื่นเต้นเร้าใจนี้ได้มากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว ไปพิชิตรูเล็ตด้วยกันเลย!

ความสำคัญของการมีกลยุทธ์ในการเล่นรูเล็ต

หากคุณเคยเล่นรูเล็ต (ไม่ว่าจะออนไลน์หรือในคาสิโนจริง) คุณคงเคยสงสัยว่า กลยุทธ์รูเล็ตแบบไหนที่ได้ผลจริงๆ แล้วถ้าเราบอกคุณว่ามีกลยุทธ์การชนะรูเล็ตอยู่หลายแบบ แถมยังมีบางกลยุทธ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดอีกด้วย คุณเคยได้ยินชื่อกลยุทธ์ Martingale มาก่อนไหม? หรือกลยุทธ์ Fibonacci ละ? หรือบางทีอาจเคยได้ยินชื่อ Paroli?

แล้วกลยุทธ์ไหนกันที่ครองตำแหน่ง กลยุทธ์รูเล็ตที่ดีที่สุด และอาจสอนให้คุณรู้วิธีชนะรูเล็ตได้? หากคุณอยากรู้ว่าอะไรทำให้ระบบรูเล็ตเหล่านี้คุ้มค่าต่อเวลาของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์ใดคือกลยุทธ์รูเล็ตที่ดีที่สุด ก็อ่านต่อไปเลย แล้วคุณจะได้คำตอบในไม่ช้า

ประเภทของกลยุทธ์การเดิมพันรูเล็ต: แบบ Progressive และ Non-Progressive

กลยุทธ์รูเล็ตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

• กลยุทธ์การเดิมพันแบบ Progressive (ค่อยๆ เพิ่มยอดเดิมพัน)
• กลยุทธ์การเดิมพันแบบ Non-Progressive หรือที่เรียกว่า Flat (วางเดิมพันที่ยอดคงที่)

แล้วอะไรคือความแตกต่างหลักระหว่างสองประเภทนี้? โดยสรุปแบบสั้นๆ กลยุทธ์รูเล็ตแบบ Progressive หมายความว่าคุณจะเพิ่มขนาดของเดิมพันขึ้นหลังจากแต่ละรอบ ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับว่าคุณชนะหรือแพ้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป

ในทางตรงกันข้าม กลยุทธ์แบบ Flat หมายความว่ายอดเดิมพันของคุณจะเท่าเดิมหลังจากแต่ละรอบ ในกรณีนี้ คุณจะไม่สนใจผลลัพธ์ของการเดิมพัน กล่าวคือ ไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้ คุณก็จะไม่เปลี่ยนยอดเดิมพัน แน่นอนว่ากลยุทธ์การเดิมพันประเภทนี้มาพร้อมกับระดับความเสี่ยงบางอย่าง

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้กลยุทธ์รูเล็ต

ก่อนที่จะเลือกกลยุทธ์การชนะรูเล็ต สิ่งแรกที่คุณต้องมั่นใจ 100% คือ คุณรู้วิธีการเล่นรูเล็ต อาจฟังดูซ้ำซาก แต่คุณอาจแปลกใจ การเรียนรู้กฎพื้นฐานของรูเล็ตให้แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณต้องการที่จะก้าวไปสู่ระดับต่อไป

หากคุณมั่นใจในความรู้เรื่องกฎของรูเล็ต สิ่งที่สำคัญพอๆ กันคือ การรู้ว่าปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อกลยุทธ์รูเล็ตของคุณ มาดูปัจจัยบางส่วนกัน:

• วงเงินเดิมพัน (Betting Limits) – กลยุทธ์รูเล็ตที่คุณเลือกต้องสอดคล้องกับวงเงินเดิมพันของคุณ
• ประเภทของรูเล็ต – รูเล็ตแต่ละประเภทมีอัตราได้เปรียบเจ้ามือ (House Edge) ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเล่นรูเล็ตยุโรป รูเล็ตอเมริกัน หรือรูเล็ตฝรั่งเศส จึงไม่เหมือนกัน (เช่น รูเล็ตยุโรปและฝรั่งเศสมี House Edge ต่ำกว่า)
• ประเภทของการเดิมพัน – หากคุณเป็นนักพนันหัวใหญ่ คุณอาจต้องการใช้กลยุทธ์การเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงกว่า ในขณะที่หากคุณมักจะวางเดิมพันที่เล็กกว่า คุณอาจต้องการยึดติดกับกลยุทธ์การชนะที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

นอกจากนี้ เป้าหมายการเล่นก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา ก่อนเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณต้องถามตัวเองก่อนว่าจุดประสงค์ของคุณคืออะไร? คุณต้องการทำกำไรระยะสั้นหรือระยะยาว? คุณวางแผนที่จะเล่นนานแค่ไหน? คุณยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน? คำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณกำหนดทิศทาง และเลือกแนวทางการเล่นที่ลงตัวที่สุด

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอก็คือ ไม่มีกลยุทธ์การเดิมพันใด ที่การันตีการชนะ 100% ไม่ว่ากลยุทธ์นั้นจะดูดีเลิศเพียงใดก็ตาม ดังนั้น ก่อนลงสนามจริง ควรศึกษาข้อดีข้อเสียของกลยุทธ์ที่สนใจอย่างรอบด้าน ทดลองฝึกฝนในโหมดเล่นฟรี และที่สำคัญที่สุด คือรู้จักควบคุมตัวเองและอารมณ์ในขณะเล่นด้วย

กลยุทธ์รูเล็ตยอดนิยมที่ประสบความสำเร็จ

ในขณะที่มีกลยุทธ์การเดิมพันมากมายที่สามารถนำมาใช้กับรูเล็ต แต่มีบางระบบที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของกลยุทธ์ แต่อะไรคือ กลยุทธ์รูเล็ตที่ดีที่สุด กันแน่? มาดูกลยุทธ์รูเล็ตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบางส่วนไปพร้อมๆ กันเลย

กลยุทธ์ Martingale และ Reverse Martingale

กลยุทธ์ Martingale อาจเป็นกลยุทธ์รูเล็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แล้วระบบรูเล็ตนี้ทำงานอย่างไร? โดยพื้นฐานแล้ว เมื่อใช้กลยุทธ์ Martingale สิ่งที่คุณทำหลังจากการสูญเสียแต่ละครั้งคือการเพิ่มยอดเงินเดิมพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณจะเพิ่มเป็นสองเท่าของยอดเดิมพันก่อนหน้า ดังนั้น เมื่อคุณชนะในที่สุด คุณควรจะได้เงินที่เสียไปกลับคืนมา และเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น ให้เริ่มวางเดิมพันด้วยยอดเดิมพันเริ่มต้นอีกครั้ง

ต่อมาคือ Reverse Martingale ซึ่งเหมือนกับชื่อที่บอกไว้ มันเป็นไปตามรูปแบบที่คล้ายกับกลยุทธ์ Martingale แต่ในทางกลับกัน กล่าวคือ เมื่อใช้ระบบ Reverse Martingale คุณจะทำสิ่งเดียวกันกับการเดิมพันของคุณ (เพิ่มเป็นสองเท่า) แต่แทนที่จะเพิ่มยอดเดิมพันเมื่อแพ้ คุณจะเพิ่มในขณะที่ชนะ

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของกลยุทธ์การเดิมพันนี้คือ คุณจำเป็นต้องชนะติดต่อกันหลายครั้งเพื่อที่จะใช้เทคนิคนี้ได้ และยังต้องมีทุนทรัพย์มากพอที่จะรองรับการเพิ่มเงินเดิมพันอย่างต่อเนื่อง หากโชคไม่เข้าข้าง ก็อาจหมดตัวได้ง่ายเช่นกัน

กลยุทธ์ Paroli

เมื่อพูดถึง กลยุทธ์ Paroli สิ่งที่คุณทำคือ คงยอดเงินเดิมพันไว้เท่าเดิมหลังจากแพ้รอบ อย่างไรก็ตาม หากคุณชนะในรอบนั้น คุณก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าของยอดเดิมพัน ดังที่คุณเห็น กลยุทธ์รูเล็ต Paroli มีความเสี่ยงน้อยกว่า Martingale

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ แม้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ Paroli ก็ไม่สามารถการันตีการชนะได้เช่นกัน จุดอ่อนของกลยุทธ์นี้คือ หากคุณแพ้บ่อยครั้งติดต่อกัน ก็จะไม่มีโอกาสเพิ่มยอดเดิมพัน และอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ผลกำไร แต่จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และไม่ชอบความเสี่ยงสูงจากการเพิ่มเงินเดิมพันอย่างก้าวกระโดด

กลยุทธ์ Labouchere สำหรับนักพนันหัวใหญ่

กลยุทธ์รูเล็ต Labouchere เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักพนันหัวใหญ่ แม้จะมีความซับซ้อนกว่ากลยุทธ์รูเล็ตที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ แต่ก็มีแฟนๆ ที่ภักดีเป็นจำนวนมาก

มันทำงานอย่างไร? ก่อนเริ่มเล่น คุณต้องตัดสินใจก่อนว่าคุณต้องการชนะเงินเท่าไหร่ จากนั้นให้เขียนลำดับตัวเลขบวกที่มีผลรวมเท่ากับจำนวนเงินที่คุณเพิ่งตัดสินใจลงในกระดาษ ระหว่างวางเดิมพันแต่ละครั้ง ให้เดิมพันเป็นจำนวนเงินที่เท่ากับผลรวมของตัวเลขลำดับแรกและลำดับสุดท้ายในกระดาษ

เมื่อเหลือตัวเลขเพียงหนึ่งตัว ให้เดิมพันเท่ากับจำนวนนั้น ถ้าเดิมพันประสบความสำเร็จ ก็ให้ขีดฆ่าตัวเลขสองจำนวนแรกในรายการทิ้งไป แต่หากเดิมพันไม่ประสบความสำเร็จ ให้นำจำนวนเงินที่เสียไปเพิ่มต่อท้ายรายการ แล้วทำตามขั้นตอนนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่ารายการตัวเลขทั้งหมดจะถูกขีดฆ่าออกจนหมด

กลยุทธ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เล่นได้รับเงินรางวัลที่ต้องการอย่างมีระบบ โดยการแบ่งยอดเงินเป้าหมายออกเป็นก้อนย่อยๆ แล้วค่อยๆ ทยอยเก็บสะสมกลับคืนมาจากการชนะในแต่ละรอบ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียเงินเดิมพันเป็นจำนวนมากเช่นกัน หากไม่สามารถชนะรอบใดรอบหนึ่งได้เลยเป็นเวลานาน เงินทุนอาจหมดลงได้ก่อนจะทันถึงเป้าหมายที่วางไว้

กลยุทธ์ Labouchere เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์มาก และพร้อมรับความเสี่ยงสูง แต่ก็ยังคงต้องใช้วินัยในการเดิมพันอย่างเคร่งครัด ไม่ตามใจตัวเองจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจได้ผลตรงข้ามกับที่หวังไว้

กลยุทธ์ D’Alembert ที่เข้าใจง่าย

หากคุณกำลังมองหา กลยุทธ์รูเล็ตที่ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่าย ละก็ กลยุทธ์ D’Alembert คือคำตอบที่ใช่เลย เมื่อใช้ระบบการเดิมพันนี้ คุณจะไม่ต้องเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากการสูญเสียเหมือนในกลยุทธ์ Martingale แต่จะเพิ่มเพียง 1 หน่วยเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น สมมติคุณเริ่มต้นด้วยการเดิมพัน 100 บาท เมื่อแพ้ ก็ให้เพิ่มเป็น 200 บาท แต่ถ้าชนะ ก็ลดลงมาที่ 100 บาทตามเดิม แล้วทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงยอดเงินที่ต้องการ หรือหมดทุนที่ตั้งไว้

ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือ การเพิ่มเงินเดิมพันแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่าการเพิ่มทีละสองเท่า แต่ก็ยังคงมีโอกาสที่จะประสบกับสถานการณ์ติดลบได้เช่นกัน หากแพ้บ่อยครั้งเกินไป ทั้งนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับจังหวะของการชนะและแพ้เป็นหลัก

กลยุทธ์ Fibonacci ตามลำดับเลขคณิตศาสตร์

ท้ายที่สุดแต่ไม่ท้ายสุด คือ กลยุทธ์ Fibonacci ซึ่งอ้างอิงจากลำดับ Fibonacci ที่มีชื่อเสียง โดยในลำดับนี้ เลขแต่ละตัวจะมีค่าเท่ากับผลรวมของเลขสองตัวก่อนหน้า ดังนี้

1 – 1 – 2 – 3 – 5 – 8 – 13 – 21 – 34 – 55 – 89 – 144 – 233 – 377 – 610 – 987

เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับรูเล็ต ระบบ Fibonacci จะทำงานโดยการเพิ่มยอดเงินเดิมพันของคุณตามลำดับ Fibonacci นั่นคือ ถ้าแพ้ ก็ให้ข้ามไปเดิมพันที่ตัวเลขถัดไป แต่ถ้าชนะ ก็ให้ถอยหลังไป 2 ขั้น

เนื่องจากวิธีนี้ทำให้คุณมีโอกาสได้กำไรแม้ว่าจะแพ้มากกว่าชนะก็ตาม จึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รูเล็ตที่ปลอดภัยที่สุด จุดแข็งของ Fibonacci คือ การบริหารความเสี่ยงและเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการค่อยๆ ปรับยอดเงินเดิมพันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละรอบ

อย่างไรก็ดี หากเจอช่วงที่แพ้รวดยาวนานเกินไป วงเงินเดิมพันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้ขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน กลยุทธ์นี้จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีความอดทนสูง และมีทุนหนาพอที่จะรอจังหวะพลิกกลับมาทำกำไร

มีกลยุทธ์รูเล็ตที่สมบูรณ์แบบหรือไม่?

เราลองมาทบทวนกันอีกครั้งว่า รูเล็ตเป็นเกมที่อาศัยโอกาสและความน่าจะเป็นเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กลยุทธ์การเดิมพันแบบใด คุณก็ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ของเกมได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งที่คุณทำได้คือ เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่น ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และขนาดของทุนทรัพย์ที่มี แล้วปรับใช้อย่างมีวินัยและใจเย็น จำไว้เสมอว่า ไม่มีกลยุทธ์รูเล็ตใดที่สมบูรณ์แบบหรือชนะได้เสมอ แม้กระทั่งระบบที่ออกแบบมาอย่างซับซ้อน ก็ยังมีจุดอ่อนและความเสี่ยงแฝงอยู่

สุดท้ายนี้ หากจะให้เลือกว่า อะไรคือกลยุทธ์รูเล็ตที่ดีที่สุด คงต้องบอกว่า คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว เพราะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใครคนหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับอีกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น งบประมาณ ประสบการณ์ บุคลิกนิสัย และเป้าหมายในการเล่น

กลยุทธ์ที่ดีที่สุด จึงเป็นกลยุทธ์ที่ลงตัวกับคุณมากที่สุดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น Martingale, Paroli, Fibonacci หรือระบบอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ และทดลองฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ รวมทั้งรู้จักยับยั้งชั่งใจและควบคุมอารมณ์ตนเองได้ในทุกสถานการณ์

จงอย่าลืมว่า การพนันไม่ควรเป็นทางสู่ความร่ำรวย แต่เป็นเพียงหนทางในการสร้างความบันเทิงเท่านั้น ขอให้คุณมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของเกมรูเล็ต ไม่ว่าจะด้วยกลยุทธ์ใดก็ตาม และที่สำคัญที่สุด อย่าเล่นจนเกินตัวและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ คุณต้องศึกษากฎกติกาของรูเล็ตให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนเริ่มเล่น เพื่อให้รู้ว่าการเดิมพันและอัตราต่อรองแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายถึงประเภทของการเดิมพันต่างๆ ที่มีให้เลือก ส่วนการตัดสินใจว่าจะเลือกเดิมพันแบบใดนั้น คุณต้องพิจารณาจากงบประมาณของตัวเองด้วย

ไม่มีวิธีการชนะรูเล็ตที่ได้ผลชัวร์ 100%

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การจะชนะรูเล็ตออนไลน์ได้ทุกครั้งนั้นเป็นไปไม่ได้ มันเป็นแค่มายาคติที่หลายคนเข้าใจผิด บางครั้งคุณก็ต้องแพ้บ้าง เป็นเรื่องปกติ แต่เคล็ดลับที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสที่คุณจะชนะได้มากขึ้น

หากคุณเป็นมือใหม่ การฝึกฝนเล่นก่อนจะเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถอ่านบทความ “วิธีเล่นรูเล็ต” ของเราเพื่อศึกษาพื้นฐาน แล้วค่อยๆ พัฒนาทักษะของตัวเองไปเรื่อยๆ

ตัวเลขนำโชคและทฤษฎีการคาดเดา

การที่จะชนะรางวัลใหญ่ในรูเล็ตออนไลน์ อาจขึ้นอยู่กับว่าคุณเดิมพันตัวเลขอะไร บางคนเชื่อว่าเลข 17 เป็นตัวเลขนำโชค เพราะมีประวัติที่เคยทำให้ผู้เล่นบางคนได้รับรางวัลก้อนโตมาแล้ว เช่นเดียวกับเลข 7 ที่ได้ชื่อว่าเป็นเลขนำโชคในระดับสากล แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นแค่ความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็มักถูกขนานนามว่าเป็นการเดิมพันที่ “ปลอดภัย”

อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจคือ “ลายเซ็นของเจ้ามือ” โดยเชื่อว่าเจ้ามือแต่ละคนอาจมีลักษณะการปล่อยลูกรูเล็ตที่ทำให้ลูกไปตกที่ช่องตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งบ่อยครั้ง หากสังเกตให้ดี ผู้เล่นอาจจับทางได้และคาดเดาผลลัพธ์ได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสชนะสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ทั้งเรื่องของเลขนำโชคและทฤษฎีการคาดเดา ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมายืนยันว่ามีโอกาสเกิดขึ้นจริงสูงกว่าแบบสุ่มแต่อย่างใด ดังนั้นผู้เล่นจึงไม่ควรหลงเชื่อมากจนเกินไป และเน้นศึกษากฎกติกาเสียมากกว่า

การศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับรูเล็ตให้เข้าใจดีนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด ก่อนจะนำไปต่อยอดกับเคล็ดลับอื่นๆ ตามที่จะกล่าวถึงในตอนต่อไป ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเล่นรูเล็ตออนไลน์มาบ้างแล้ว การเพิ่มพูนความรู้อยู่เสมอก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น ใครที่ศึกษามาอย่างดี ย่อมได้เปรียบและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่า

9 เคล็ดลับเพื่อเพิ่มโอกาสชนะรูเล็ตออนไลน์

1. ศึกษาอัตราต่อรองของแต่ละประเภทเดิมพัน

ก่อนจะเริ่มเล่นรูเล็ต สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่เดินเข้าไปเล่นโดยที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ละการเดิมพันนั้นมีอัตราต่อรองแตกต่างกัน คุณอาจไม่จำเป็นต้องจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ แต่อย่างน้อยควรมีความเข้าใจพื้นฐานไว้บ้าง การเดิมพันบางอย่างให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการเดิมพันอื่น และอัตราต่อรองของคุณจะเปลี่ยนไปตามแต่ละสำนักรูเล็ตด้วย โดยทั่วไปแล้วรูเล็ตยุโรปมักจะมีอัตราต่อรองที่ดีกว่า ดังนั้นอย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเล่น แล้วจึงค่อยวางเดิมพัน

2. หลีกเลี่ยงการเดิมพันเลขตัวเดียว

การเดิมพันเลขตัวเดียวนั้นดูเหมือนจะชวนให้เล่น เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงถึง 35 เท่าของยอดเดิมพัน แต่ในความเป็นจริง โอกาสที่คุณจะชนะด้วยการเดิมพันแบบนี้ค่อนข้างต่ำมาก เราไม่ได้หมายความว่าห้ามเดิมพันแบบนี้เลย คุณจะลองเล่นดูก็ได้ แต่ควรเน้นไปที่การเดิมพันที่มีอัตราต่อรองดีกว่านี้จะเพิ่มโอกาสชนะของคุณ

3. เน้นเดิมพันภายนอก

ในรูเล็ตมีทั้งการเดิมพันภายในและภายนอก แต่การเดิมพันภายนอกนั้นมีอัตราต่อรองที่ดีกว่า หากชนะ คุณจะได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวนเท่าของยอดเดิมพันที่ต่ำกว่าการเดิมพันภายใน แต่โอกาสชนะของคุณก็สูงกว่ามาก ถึงอย่างนั้น การเดิมพันภายนอกก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง  แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังถือว่าให้โอกาสชนะสูงกว่าการเดิมพันภายในแน่นอน

4. วางแผนการเงินก่อนเล่น

อย่าเข้าเล่นรูเล็ตโดยที่เดิมพันด้วยเงินจำนวนมากเกินไปจนอาจสูญเสียเงินทุนไปหมดในพริบตา หากคุณเป็นมือใหม่ การเริ่มต้นเดิมพันด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อชนะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด กำหนดวงเงินที่คุณจะใช้เล่นก่อนเริ่ม และเมื่อเล่นหมดยอดที่ตั้งไว้แล้วก็ควรหยุดเล่นทันที การวางแผนที่ดีเช่นนี้จะช่วยให้คุณควบคุมความเสี่ยงได้

5. ฝึกซ้อมในโหมดทดลองเล่นฟรีก่อน

หากคุณมีโอกาสได้ลองเล่นแบบฟรีก่อน ควรใช้โอกาสนั้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะหากคุณยังเป็นมือใหม่ การฝึกเล่นจนคุ้นเคยกับวงล้อรูเล็ตและวิธีการเดิมพันจะต้องใช้เวลาพอสมควร วิธีการฝึกซ้อมที่ดีที่สุดคือการเล่นในโหมดทดลองที่ไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งจะช่วยให้คุณเรียนรู้เกมได้ดีขึ้นก่อนจะไปเล่นจริง เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จเมื่อเล่นด้วยเงินจริงในภายหลัง

6. ศึกษากลยุทธ์มาร์ติงเกล

กลยุทธ์มาร์ติงเกลเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันมากในหมู่ผู้เล่นรูเล็ต เป็นการเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันหลังการสูญเสีย เพื่อให้สามารถทำกำไรได้เท่าทุนด้วยเพียงการชนะเดียว แต่มาร์ติงเกลมีข้อเสีย คือคุณต้องมีเงินทุนที่มากพอในการเพิ่มเงินเดิมพันไปเรื่อยๆ และบางครั้งคุณอาจแพ้ติดต่อกันหลายตา จนไม่สามารถแก้ตัวได้ทัน การศึกษามาร์ติงเกลนั้นน่าสนใจ แต่ก็ไม่ใช่หนทางสู่ชัยชนะที่รับประกันแน่นอน ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจนำมาใช้

7. เลือกเล่นกับคาสิโนออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ

น่าเสียดายที่ปัจจุบันมีคาสิโนออนไลน์เถื่อนอยู่มากมาย คุณจึงต้องเลือกเล่นกับคาสิโนออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น อาจศึกษาได้จากการอ่านบทวิจารณ์ของผู้เล่นจริง หรือข้อมูลจากเว็บไซต์คาสิโนชั้นนำ เวลาเลือกเล่น ให้ดูว่าคาสิโนนั้นมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ การันตีความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าหรือเปล่า รวมถึงมีระบบการฝากถอนเงินที่น่าเชื่อถือและรวดเร็วด้วย เพราะหากคุณโชคดีได้เงินรางวัลแต่กลับถอนไม่ได้ คุณจะเสียใจภายหลังแน่นอน

8. ลองใช้ระบบเดิมพันต่างๆ

เราต้องยอมรับความจริงที่ว่าไม่มีการเดิมพันใดในรูเล็ตที่การันตีได้ว่าจะชนะ เราไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่าการเดิมพันครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังมีระบบการเดิมพันที่ดูมีหลักการและอาจเป็นประโยชน์ได้ ลองศึกษาค้นคว้าและพิจารณาว่าระบบไหนน่าสนใจ จะได้เลือกใช้ได้อย่างมั่นใจ แต่ก็อย่าลืมไปว่าสุดท้ายแล้วอัตราต่อรองก็ยังคงเป็นของคาสิโนอยู่ดี

9. ลองเดิมพันแบบผสมผสาน

การเดิมพันภายในนั้นมีโอกาสชนะน้อยกว่าการเดิมพันภายนอก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า หากคุณอยากลองเสี่ยงกับการเดิมพันภายใน การเดิมพันแบบผสม (Combination Bet) อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีการคือการเลือกเดิมพันตัวเลขหลายๆ ตัวพร้อมกัน โดยวางชิปไว้ที่เส้นกั้นระหว่างตัวเลขในตารางรูเล็ต การเดิมพันแบบนี้มีต้นทุนสูงกว่าการเดิมพันเลขตัวเดียว แต่ในระยะยาวก็มีโอกาสได้รางวัลรวมที่สูงกว่า หากอยากเพิ่มโอกาสชนะในแต่ละตา การเดิมพันแบบผสมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้มีโอกาสได้รางวัลที่หลากหลายมากขึ้น

ทั้ง 9 ข้อนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเอาชนะเกมรูเล็ตออนไลน์ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับการนำไปปรับใช้ของแต่ละคนด้วยว่าจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้ วางแผนการเดิมพันอย่างรอบคอบ และที่ขาดไม่ได้คือวินัยในการเล่นอย่างมีสติ ไม่โลภมากหรือหยุดเล่นไม่เป็น มีเคล็ดลับครบทั้งสามส่วนนี้แล้ว โอกาสประสบความสำเร็จของคุณจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน

กฎ En Prison ในรูเล็ตยุโรป

หากคุณเล่นรูเล็ตยุโรป คุณสามารถใช้กฎ En Prison ได้ แต่ต้องระวังว่ากฎนี้ใช้ได้เฉพาะในรูเล็ตยุโรปเท่านั้น จะนำไปใช้กับรูเล็ตประเภทอื่นไม่ได้ เมื่อใช้กฎ En Prison หากลูกรูเล็ตตกลงในช่อง 0 การเดิมพันแบบ Even Money (เช่น คู่/คี่, แดง/ดำ, สูง/ต่ำ) จะถูกกักไว้ก่อน แทนที่จะแพ้เดิมพันไปเลย หากคุณชนะการเดิมพันครั้งถัดไป คุณจะได้เงินที่เดิมพันไว้ในตาที่แล้วคืน กฎ En Prison เป็นเหมือนกับการให้โอกาสคุณเดิมพันฟรีอีกครั้ง แต่ก็มีข้อเสียคือจะไม่ได้กำไรจากการเดิมพันครั้งแรก ซึ่งหากใช้เป็นก็ถือว่าให้อัตราต่อรองที่ดีขึ้นอยู่บ้าง

ความสำคัญของการควบคุมตัวเองและไม่ไล่ตามทุน

สิ่งสำคัญที่สุดในบรรดาเคล็ดลับทั้งหมดนี้ก็คือ คุณต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เป็นเรื่องที่ผู้เล่นหลายคนมองข้ามไป เราต้องยอมรับความจริงที่ว่าการแพ้เป็นเรื่องปกติ แม้จะมีเคล็ดลับมากมายแต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะชนะเสมอไป บางครั้งคุณอาจแพ้ติดต่อกันหลายตา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่สิ่งที่คุณไม่ควรทำเลยคือการพยายามไล่ตามทุนที่เสียไป ด้วยความหวังว่าเดิมพันครั้งต่อไปจะชนะแล้วได้เงินคืน เพราะความจริงคือในแต่ละตาคุณมีโอกาส 50/50 ที่จะแพ้หรือชนะ การควบคุมอารมณ์และจำนวนเงินเดิมพันจึงสำคัญมาก เล่นอย่างมีวินัย รู้จักพอ และหยุดเมื่อหมดงบที่ตั้งไว้ แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ในวันหลัง จะดีกว่าการฝืนเล่นต่อแล้วเสียเงินไปมากกว่าเดิม

ระบบเดิมพันและประเภทของการเดิมพัน

นอกจากกลยุทธ์มาร์ติงเกลที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีระบบเดิมพันอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น Reverse Martingale ซึ่งตรงข้ามกับมาร์ติงเกลตรงที่จะเพิ่มยอดเดิมพันเมื่อชนะ แทนที่จะเพิ่มยอดเมื่อแพ้ แต่ทั้งสองระบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป จึงต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกใช้

ส่วนประเภทของการเดิมพันที่มีให้เลือกในรูเล็ตก็มีหลากหลาย ได้แก่

• Straight หรือการเดิมพันเลขตัวเดียว
• Split คือการเดิมพันสองเลขที่อยู่ติดกัน
• Street คือการเดิมพันสามเลขในแนวนอน
• Square คือการเดิมพันสี่เลขในรูปสี่เหลี่ยม
• Six Line คือการเดิมพันหกเลขในสองแถวติดกัน
• สีแดง/ดำ คือการเดิมพันสีของช่องที่ลูกรูเล็ตจะตก
• คู่/คี่ คือการเดิมพันว่าเลขที่ออกจะเป็นคู่หรือคี่
• สูง/ต่ำ คือการเดิมพันว่าจะออกเลขสูง (19-36) หรือเลขต่ำ (1-18)
• คอลัมน์ คือการเดิมพันเลข 12 ตัวในคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่งจากสามคอลัมน์

จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้การเล่นรูเล็ตนั้นต้องใช้เวลา ไม่มีใครเก่งขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าคุณตั้งใจศึกษาและฝึกฝน เชื่อว่าไม่นานคุณจะสามารถเล่นรูเล็ตได้อย่างมืออาชีพ สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมตั้งงบประมาณที่เหมาะสมและอยู่ในวงเงินที่คุณพอจะเสียได้ ควบคุมอารมณ์และเล่นอย่างมีวินัย เท่านี้การหมุนวงล้อรูเล็ตก็จะเป็นความสนุกคุ้มค่าสำหรับคุณเสมอ

สรุปแล้ว การเอาชนะรูเล็ตออนไลน์อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของมนุษย์ เพียงแค่คุณศึกษาเคล็ดลับต่างๆ นำไปฝึกฝน และปรับใช้อย่างมีวินัย คุณก็มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นผู้เล่นรูเล็ตที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เอาเป็นว่า ความมุ่งมั่นและความอดทนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเล่นพนันทุกชนิด รวมถึงรูเล็ตออนไลน์ด้วย อย่ายึดติดกับชัยชนะหรือปราชัยในระยะสั้นจนเกินไป แต่มองให้ไกลและค่อยๆ พัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ รับรองว่าสักวันคุณจะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างงดงามแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ ระบบเดิมพันเหล่านี้ได้ผลจริงหรือไม่ ความน่าจะเป็นที่จะชนะรูเล็ตในระยะยาวเป็นอย่างไร และอะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การใช้ระบบเดิมพันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปศึกษากันอย่างลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปและหลักการทำงานของระบบเดิมพันชื่อดังในรูเล็ต ทั้งข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง รวมถึงเคล็ดลับในการประยุกต์ใช้ เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการพนันรูเล็ตควรเล่นอย่างไรเพื่อสนุกและมีโอกาสได้กำไร และอะไรที่ควรระวังเพื่อไม่ให้พลาดท่าเสียเงินไปเปล่า ๆ

ระบบ Positive Progression

ระบบ Positive Progression เป็นหนึ่งในระบบการเดิมพันรูเล็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีแนวคิดพื้นฐานคือการปรับเพิ่มยอดเงินเดิมพันทุกครั้งที่ชนะ เพื่อใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่กำลังมีโชคและทำกำไรให้ได้มากที่สุด ในทางกลับกัน หากเกิดการแพ้ขึ้น ยอดเงินเดิมพันก็จะถูกปรับลดลงเพื่อลดความเสี่ยงและจำกัดการสูญเสีย

แม้ที่มาของระบบนี้จะดูเข้าใจง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันมีรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่านั้น ระบบ Positive Progression พยายามอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าโอกาสในการชนะและแพ้ของแต่ละตาในรูเล็ตนั้นเท่ากัน ดังนั้นถ้าเราชนะในตาที่แล้ว ก็น่าจะมีโอกาสชนะในตาถัดไปด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่เรียกว่า Gambler’s Fallacy หรือ “ความเข้าใจผิดของนักพนัน”

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักพนันจำนวนไม่น้อย ระบบ Positive Progression ก็ยังคงเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มโอกาสชนะและจัดการแบ๊งค์ที่ได้ผลในระดับหนึ่ง ขอยกตัวอย่างระบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดอย่าง Paroli

ระบบ Paroli

ระบบ Paroli เป็นรูปแบบหนึ่งของ Positive Progression ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก วิธีการคือให้เราเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 2 เท่าทุกครั้งที่ชนะ โดยเริ่มต้นที่ยอดเงินขั้นต่ำ เช่น 100 บาท หากเราชนะ ก็นำเงินที่ได้ 200 บาท มาลงเดิมพันในตาต่อไปทั้งหมด ถ้าชนะอีก ก็เอา 400 บาทไปลงต่อ หากชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง เราจะมีเงินกำไร 700 บาท จากการลงทุนแค่ 100 บาทเท่านั้น แต่เมื่อใดที่แพ้ ไม่ว่าจะในตาไหน ก็ให้เริ่มต้นใหม่ที่ยอดเงิน 100 บาทเหมือนเดิม และทำตามขั้นตอนต่อไป นี่คือหลักการง่าย ๆ ของระบบ Paroli ในรูเล็ต

ข้อดีของระบบ Paroli คือเป็นการใช้ประโยชน์จาก ดวงที่กำลังเข้าข้าง ให้เต็มที่ เพราะเมื่อชนะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ กำไรที่ได้รับก็จะสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ชนะติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นไม่ยาก เนื่องจากโอกาสชนะในแต่ละตาอยู่ที่ประมาณ 50%

นอกจากนี้ การกำหนดให้รีเซ็ตเงินเดิมพันเมื่อแพ้ ก็ช่วยป้องกันการสูญเสียที่มากเกินไปได้ในระดับหนึ่ง ทำให้การใช้ระบบ Paroli มีความเสี่ยงน้อยกว่าระบบ Positive Progression บางแบบที่ปรับเพิ่มยอดเงินต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ

อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะของระบบ Paroli ที่ปรับลดยอดเงินลงทุนลงทุกครั้งที่แพ้ ทำให้เป็นการยากที่จะชดเชยยอดขาดทุนสะสมหากเกิดความโชคร้ายขึ้นติดต่อกัน เพราะแม้ว่าเราจะชนะในตาถัดมา แต่กำไรที่ได้ก็อาจไม่พอลบล้างกับเงินที่เสียไปก่อนหน้า

อีกจุดอ่อนของระบบ Paroli คือการเชื่อมั่นในแนวคิด Gambler’s Fallacy ที่ว่าถ้าชนะตานี้แล้ว ตาต่อไปก็น่าจะมีโอกาสชนะสูงด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยในทางสถิติ เพราะแต่ละรอบของรูเล็ตนั้นเป็นอิสระต่อกัน ผลในตาก่อนหน้าไม่ได้ส่งผลต่อตาถัดไปแต่อย่างใด

ในทำนองเดียวกัน ความเชื่อที่ว่าเมื่อแพ้แล้วตาต่อไปจะต้องได้ชนะ เพื่อให้เป็นไปตามความน่าจะเป็นระยะยาว ก็ไม่ได้เพิ่มโอกาสชนะอย่างที่คิด เหรียญที่ออกก้อยติดต่อกัน 10 ครั้ง ก็ยังคงมีโอกาส 50% ที่จะออกก้อยในครั้งที่ 11 เช่นกัน

ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อดีของระบบ Paroli ก็คือความเรียบง่ายและความเสี่ยงที่จำกัด ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่ผู้เล่นที่ไม่อยากเสี่ยงมาก มีงบจำกัด แต่ก็หวังว่าจะเพิ่มกำไรได้บ้างหากโชคเข้าข้าง

โดยสรุปแล้ว ระบบ Positive Progression และระบบ Paroli อาจจะช่วยเพิ่มความสนุกและความตื่นเต้นให้กับเกมรูเล็ตได้ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่ารูเล็ตเป็นเกมที่อาศัยดวงเป็นหลัก การใช้ระบบเดิมพันใด ๆ จึงไม่อาจการันตีกำไรได้ในระยะยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเดิมพันด้วยเงินที่พอจะเสียได้ กำหนดวงเงินที่ชัดเจน และหยุดเล่นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ระบบ Negative Progression

แนวคิดหลักของระบบ Negative Progression คือการพยายาม ชดเชยการสูญเสีย ในตาก่อนหน้า ด้วยการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะแล้วก็จะได้กำไรจากยอดเงินเดิมพันที่สูงขึ้นนั่นเอง ในแง่หนึ่ง วิธีนี้ดูจะมีเหตุผลน่าเชื่อถือ เพราะเมื่อแพ้หลายครั้งติดต่อกัน โอกาสที่จะชนะในที่สุดก็ควรจะมีมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การคิดเช่นนั้นก็เป็นเพียงความเข้าใจผิดประเภทหนึ่ง ที่เรียกว่า Gambler’s Fallacy เช่นเดียวกับในระบบ Positive Progression เพราะความจริงแล้ว ไม่ว่าผลของตาก่อนหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความน่าจะเป็นที่จะชนะหรือแพ้ในตาถัดไปเลย

แต่กระนั้น ระบบ Negative Progression ก็ยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักพนันนิยมใช้เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรในรูเล็ต เพราะหากนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ก็อาจช่วยลดการสูญเสียโดยรวมและเปิดโอกาสให้ได้กำไรมากขึ้นได้

หนึ่งในระบบ Negative Progression ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ระบบ Martingale ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข้าง “การันตีผล” แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน

ระบบ Martingale ในรูเล็ต

Martingale เป็นระบบเดิมพันที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในหมู่นักพนัน โดยเฉพาะในการเดิมพันสีแดงดำ (Red/Black) หรือคู่คี่ (Odd/Even) ในรูเล็ต ที่มีโอกาสชนะในแต่ละตาประมาณ 50% ทำให้หลักการของ Martingale สามารถนำไปใช้ได้อย่างลงตัว

วิธีใช้ระบบ Martingale นั้นไม่ยุ่งยาก โดยให้เราเริ่มต้นด้วยยอดเงินเดิมพันขั้นต่ำ เช่น 100 บาท แล้วเลือกเดิมพันสีแดงหรือดำ ถ้าชนะ ก็รับเงิน 100 บาทกำไร แล้วเดิมพัน 100 บาทใหม่ในตาต่อไป แต่ถ้าเสีย ก็ให้เพิ่มยอดเงินเดิมพันเป็น 2 เท่า เป็น 200 บาท แล้วเดิมพันสีเดิมอีกครั้ง หากยังเสียอีก ก็เพิ่มเป็น 400 บาท ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะ และเมื่อชนะ เราก็จะได้กำไร 100 บาท พอดีจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง จากนั้นก็ให้เริ่มต้นใหม่ที่ 100 บาท วนไปเรื่อย ๆ ตามขั้นตอนเดิม

แนวคิดของระบบ Martingale คือ การเพิ่มเงินเดิมพันเป็นทวีคูณเมื่อแพ้ จะทำให้ไม่ว่าจะต้องแพ้ไปกี่ครั้ง ก็จะต้องมีจังหวะที่ได้ชนะสักครั้งเพื่อชดเชยเงินที่เสียไปทั้งหมด บวกกำไรเพิ่มอีก 1 ยูนิต หรือในที่นี้คือ 100 บาท และเมื่อชนะแล้ว การกลับไปเริ่มต้นที่ 100 บาทใหม่ก็จะเป็นการ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” ไม่ปล่อยให้การสูญเสียลุกลามบานปลายจนเกินแก้ไข

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของระบบ Martingale คือ ความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามยอดเงินเดิมพันที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เมื่อเกิดการแพ้หลายครั้งติดต่อกัน

สมมุติว่าเราโชคร้ายแพ้ติดต่อกันแค่ 5 ครั้ง จาก 100 บาท ก็จะกลายเป็น 200 > 400 > 800 > 1,600 > 3,200 บาท รวมแล้วต้องใช้ทุนไปแล้วถึง 6,300 บาท เพื่อหวังกำไรเพียง 100 บาทเท่านั้น หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่เพียงแต่อาจไม่มีเงินเดิมพันต่อ ยอดเงินอาจจะสูงเกินกว่าวงเงินสูงสุดที่โต๊ะรูเล็ตจะรับด้วย และยิ่งถ้าหากแพ้ไปอีก ความเสียหายก็จะยิ่งมหาศาล

ถึงแม้ในทางทฤษฎี ระบบ Martingale จะสามารถทำกำไรได้เสมอหากมีงบประมาณที่ไม่จำกัดและไม่มีข้อจำกัดของวงเงินสูงสุดบนโต๊ะ แต่ในเวลาจำกัดที่ต้องเผชิญกับโอกาสที่จะแพ้หลายครั้งติด ๆ กัน ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมากที่จะต้องสูญเสียเงินจำนวนมหาศาล

เพื่อแก้ไขจุดอ่อนนี้ จึงมีการพัฒนาระบบ Negative Progression รูปแบบอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงจำกัดมากกว่า ตัวอย่างเช่น:

• ระบบ Fibonacci ที่เพิ่มยอดเงินเดิมพันตามลำดับ Fibonacci เมื่อแพ้ โดยจะเพิ่มยอดเงินเท่ากับผลรวมของ 2 ยอดก่อนหน้า เช่น หากแพ้ 2 ครั้งที่ 100 บาท จึงจะเพิ่มเป็น 200 บาท แพ้อีกก็เป็น 300 บาท แพ้อีกเป็น 500 บาท ซึ่งจะทำให้การเพิ่มยอดช้ากว่า Martingale มาก และจำกัดความเสี่ยงได้ดีขึ้น
• ระบบ D’Alembert เป็นการแบ่งแบ๊งค์ออกเป็นยูนิตย่อยเท่า ๆ กัน และปรับเพิ่มลดทีละ 1 ยูนิตตามการแพ้ชนะ เช่น ถ้ามี 10 ยูนิต เริ่มที่ 1 ยูนิต เมื่อแพ้ก็เพิ่มเป็น 2 ยูนิต แพ้อีกเป็น 3 ยูนิต และถ้าชนะก็ลดลง 1 ยูนิต วิธีนี้ค่อนข้างอนุรักษ์ จะทำให้ขาดทุนช้า แต่ได้กำไรก็ช้าเช่นกัน
• ระบบ Labouchere เรียกได้ว่าเป็นระบบ Negative Progression ที่ซับซ้อนที่สุด และใช้การได้ผลที่สุด เพราะมีการปรับยอดเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป คือจะกำหนดเป้าหมายกำไรเอาไว้ก่อน แล้วแบ่งออกเป็นยูนิตย่อยแบบคล้าย ๆ D’Alembert แต่เลือกเพิ่มหรือลดยอดตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้า ตามจังหวะการชนะและแพ้ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบมากขึ้น

โดยสรุป ระบบ Negative Progression เป็นวิธีคิดในการเดิมพันรูเล็ตที่เน้นตั้งรับมากกว่ารุก มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียมากกว่าการไล่ล่ากำไร ซึ่งถ้านำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ ทั้งในด้านกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจข้อจำกัดและข้อเสียของแต่ละระบบให้ดี รู้ว่ามันไม่ใช่ “สูตรสำเร็จ” ที่การันตีชัยชนะ เพราะไม่ว่าจะใช้ระบบไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความได้เปรียบของเจ้ามือได้เลย สุดท้ายแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือวินัยในการเล่น เพราะต่อให้มีระบบที่ดี แต่ขาดการควบคุมตัวเอง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงหนีไม่พ้นความสูญเสียอยู่ดี

Flat Betting

แทนที่จะพยายามเอาชนะความได้เปรียบของคาสิโนด้วยการปรับกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ Flat Betting เป็นการยอมรับความจริงว่าทุกการเดิมพันมีโอกาสชนะและแพ้พอ ๆ กัน สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือการจัดการเงินทุนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว

วิธีเล่น Flat Betting นั้นง่ายมาก แค่เลือกยอดเงินที่เหมาะสมสำหรับเรา และวางเดิมพันด้วยยอดเงินนั้นไปตลอด ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม ยอดเงินจะต้องเท่าเดิมเสมอ

ประโยชน์หลักของ Flat Betting คือการควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่า เพราะเราจะไม่มีทางเสียเงินเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ต่อการเดิมพัน 1 ครั้ง และเมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ แล้ว Flat Betting ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่นได้ยาวนานขึ้นด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเมื่อแพ้หลายตาติด

อีกข้อดีคือความเรียบง่าย เพราะเราสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการเล่นได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคอยคำนวณหรือปรับยอดเงินไปมา Flat Betting จึงเหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญกับเกมรูเล็ตมากนัก

Flat Betting อาจดูเหมือนไม่ใช่ “ระบบ” เดิมพันที่ซับซ้อนหรือน่าตื่นเต้นเท่าไร แต่ก็เป็นวิธีคิดที่สอดคล้องกับหลักความน่าจะเป็นและการจัดการเงินเดิมพันมากที่สุด เป็นการมองการพนันตามความเป็นจริง มากกว่าการคิดเพ้อฝันถึงสูตรที่จะรวยเร็วจากการพนัน

การนำ Flat Betting มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเข้าใจด้วยว่าแม้จะช่วยลดความผันผวนของผลแพ้ชนะลงได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะชนะในระยะยาว ความสำเร็จขึ้นอยู่กับเงินทุนที่เรามีและจำนวนครั้งที่เล่น ซึ่งเมื่อเล่นนาน ๆ ความได้เปรียบของเจ้ามือก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอยู่ดี

ดังนั้น การเลือกยอดเงินเดิมพันให้เหมาะสมกับทุนและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยควรมีเงินทุนมากพอที่จะสามารถเล่นได้หลายตาติดกัน โดยที่แม้จะแพ้ไปบ้างก็ไม่กระทบกระเทือนฐานะการเงินจนเกินไป

ผู้เล่นหลายคนพบว่า Flat Betting เป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้เสริมจากการพนันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการวางแผนที่ดี มีวินัย และรู้จักเลิกเมื่อถึงเวลาอันควร

อีกแนวคิดการเดิมพันที่น่าสนใจซึ่งนำ Flat Betting มาใช้คือ ระบบ Romanosky ซึ่งเน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลายตำแหน่งบนโต๊ะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะให้มากที่สุด

ระบบ Romanosky ในรูเล็ต

ระบบ Romanosky เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวคิดของ Flat Betting และการวางเดิมพันหลายรูปแบบ โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่เงินเดิมพันคงที่ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้กว้างกว่าการเดิมพันแบบเดี่ยว ๆ

วิธีใช้ระบบ Romanosky คือให้แบ่งยอดเงินต่อรอบออกเป็น 8 ส่วนเท่า ๆ กัน จากนั้นเลือกเดิมพันดังนี้:

• วางเดิมพัน 3 ส่วนไปที่ Dozen (โหล) แรก (12 ตัวเลขแรกของวงล้อ ตั้งแต่ 1-12)
• วางเดิมพันอีก 3 ส่วนไปที่ Dozen ที่สอง (12 ตัวเลขที่สองของวงล้อ ตั้งแต่ 13-24)
• วางเดิมพันอีก 1 ส่วนไปที่ตำแหน่ง Corner ระหว่างช่อง 25-29
• วางเดิมพันส่วนสุดท้ายไปที่ตำแหน่ง Corner ระหว่างช่อง 32-36

การเลือกวางแบบนี้จะครอบคลุมตัวเลขถึง 32 ช่องจากทั้งหมด 37 ช่อง (ไม่รวม 0) หรือคิดเป็นโอกาสในการชนะสูงถึง 86% เลยทีเดียว เมื่อวงล้อหยุดหมุน หากลูกรูเล็ตตกในช่วงตัวเลขที่เรา Cover ไว้ ก็จะได้กำไรเท่ากับ 9 ส่วน (เท่ากับยอดเงินทั้งหมดที่ใช้เดิมพันในรอบนั้นบวก 1 ส่วน) ขณะที่ถ้าแพ้ก็จะเสีย 8 ส่วนไป

ข้อดีของ Romanosky คือในแต่ละรอบ มีโอกาสชนะที่ค่อนข้างสูง และถ้าชนะก็ได้กำไรเล็กน้อย ขณะที่ถ้าจะแพ้ก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือเมื่อเกิดแพ้ขึ้น ก็ต้องใช้เวลาหลายรอบในการทำกำไรคืน เพราะแต่ละรอบได้กำไรไม่มาก

เหมือนกับทุก ๆ ระบบ ความสำเร็จของ Romanosky อยู่ที่เงินทุนที่มากพอและการเล่นอย่างมีวินัย ไม่โลภมากเกินไป รู้จักพอใจกับกำไรทีละน้อย และยอมหยุดเมื่อถึงเวลา ไม่ควรคิดว่าจะต้องเอาทุนคืนให้ได้ในทันทีหากเกิดแพ้ เพราะนั่นจะทำให้สูญเสียมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

บทสรุป

รูเล็ตคงเป็นเกมคาสิโนที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหลมาช้านาน ด้วยกฎกติกาที่เรียบง่าย และความตื่นเต้นที่มาพร้อมกับโอกาสในการทำกำไรก้อนโต ทว่าเบื้องหลังนั้นก็มีอีกหลายคนที่ต้องพบกับความผิดหวัง บาดเจ็บ และมือเปล่าจากการเสี่ยงโชคครั้งแล้วครั้งเล่า

ระบบเดิมพันหรือ Betting Systems ต่าง ๆ คืออีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดใจนักพนันให้หลงใหล เพราะมันให้ความหวังว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะและกำไรให้มากขึ้น มีสูตรและเคล็ดลับมากมายที่ถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Martingale, Paroli, D’Alembert, Fibonacci หรือ Romanosky ซึ่งต่างมีเหตุผลประกอบที่ฟังดูดี น่าเชื่อถือ และน่าลองใช้

แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ท้ายที่สุด ไม่มีระบบไหนที่การันตีได้ว่าจะเอาชนะเกมรูเล็ตได้อย่างแน่นอน ด้วยความได้เปรียบเชิงคณิตศาสตร์ที่เจ้ามือมีเหนือผู้เล่น ทำให้ในระยะยาวแล้วการคาดหวังกำไรจากการพนันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะหากขาดการควบคุมตัวเองและมีวินัยที่ดีในการเล่น

รูเล็ต คืออะไร

ใครที่เคยเดินเข้าออกคาสิโน หรือเคยดูหนังแนวการเดิมพันคงจะคุ้นเคยกับรูเล็ต เกมพนันที่นิยมเล่นกันมากในหมู่นักเดิมพัน เพราะมันมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ซับซ้อน สามารถวางเดิมพันได้หลากหลายรูปแบบ เลือกระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนได้ตามที่ต้องการ ด้วยความหลากหลายตรงนี้ก็เลยทำให้คาสิโนออนไลน์ทุกที่ต้องมีเกมรูเล็ตไว้ให้บริการผู้เล่น

สำหรับวิธีการเล่นก็ไม่ยุ่งยาก ผู้เล่นมีหน้าที่เพียงแค่ทายผลการออกรูเล็ตว่าลูกบอลที่ดีลเลอร์โยนลงไปจะตกอยู่ในช่องหมายเลขใด สีใด เป็นเลขคู่หรือเลขคี่ ซึ่งการเดิมพันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแทงแบบไหน และแน่นอนว่าเราจะต้องทำการวางเดิมพันกันก่อนที่เกมจะเริ่มอยู่แล้ว

หลังจากหมดเวลาวางเดิมพันดีลเลอร์หรือผู้คุมโต๊ะจะเริ่มหมุนวงล้อรูเล็ตทวนเข็มนาฬิกา จากนั้นจะหมุนลูกบอลไปตามเข็มนาฬิกา โดยลูกบอลที่โยนลงไปก็จะวิ่งบนวงล้อรูเล็ตไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตกที่ช่องหมายเลขใดหมายเลขหนึ่ง และช่องที่ลูกบอลตกลงไปก็คือรางวัลที่ออกในรอบนั้น

วิธีแทงรูเล็ตให้ได้กำไรจุก ๆ

ถึงการแทงรูเล็ตจะมีรูปแบบที่หลากหลาย แต่การทำกำไรก็ไม่ยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่รู้จักวิธีการแทงตามระดับความเสี่ยง และประยุกต์ใช้สูตรเดินเงินก็สามารถช่วยเพิ่มโอกาสชนะได้แล้ว ซึ่งรูปแบบการแทงมีดังนี้

แทงแบบความเสี่ยงสูง

การแทงรูปแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ถ้าชนะมันจะช่วยให้ได้กำไรกลับคืนมาหลายเท่าตัว แต่โอกาสที่จะถูกรางวัลมันก็จะน้อยตามไปด้วย ดังนั้นใครที่คิดว่าตัวเองชำนาญเกมรูเล็ตมากพอก็สามารถแทงในตำแหน่งเหล่านี้ได้เลย

• แทงเต็ง 1 เลข คือแทงไปที่เลขใดเลขหนึ่ง หรือจะหลายหมายเลขก็ได้ ตั้งแต่ 0-36 ถ้าหากรูเล็ตออกหมายเลขที่แทงไว้ก็จะได้กลับมา 35 เท่า
• แทงค่อม 2 เลข คือการแทง 2 หมายเลขที่อยู่ติดกันบนโต๊ะรูเล็ต ถ้ารูเล็ตออกเลขใดเลขหนึ่งที่แทงก็จะได้กลับมา 17 เท่า
• แทงค่อม 3 เลข คือการแทงหมายเลขที่อยู่แถวเดียวกันทั้ง 3 ตัว ถ้ารูเล็ตออกเลขใดเลขหนึ่งในแถวที่แทงก็จะได้กลับมา 11 เท่า
• แทงค่อม 4 เลข คือการแทงหมายเลขที่อยู่ติดกัน 4 ตัวพร้อมกัน ถ้ารูเล็ตออกเลขใดเลขหนึ่งก็จะได้เงินรางวัลกลับมา 8 เท่า
• แทงค่อม 6 หมายเลข คือการแทงหมายเลขแบบ 2 แถวติดกัน ซึ่งจะมีตัวเลขอยู่ทั้งหมด 6 ตัว ถ้าหากรูเล็ตออกเลขหนึ่งในหกตัวนี้เราจะได้รับเงินรางวัล 5 เท่าของเงินเดิมพัน

แทงแบบความเสี่ยงต่ำ

สำหรับคนที่ไม่อยากเสี่ยงมาก อยากได้แบบชัวร์ ๆ ก็สามารถแทงแบบความเสี่ยงต่ำได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการแทงรูเล็ตออนไลน์ ที่เน้นถูกรางวัลน้อยแต่ถูกบ่อยมากก็มีดังนี้

• แทงสูง – ต่ำ คือการทายว่ารูเล็ตจะออกหมายเลขที่อยู่ในกลุ่มสูง (19-36) หรือว่าจะออกกลุ่มต่ำ (1-18) ถ้าถูกรางวัลทาง คาสิโนออนไลน์ จะจ่ายให้ในอัตรา 1 : 1 ไม่รวมทุน
• แทงดำ-แดง คือการแทงว่ารูเล็ตจะออกสีใดระหว่างสีดำกับสีแดง ซึ่งตั้งแต่เลข 1 – 36 จะมีสีพื้นหลังสลับกันไประหว่างสองสีนี้ เว้นแต่ช่องหมายเลข 0 ที่มีพื้นหลังเป็นสีเขียว นั่นหมายความว่าถ้ารูเล็ตออก 0 ก็จะถือว่าเราไม่ถูกรางวัล อัตราการจ่ายก็คือ 1 : 1 ไม่รวมทุน
• แทงคู่-คี่ อันนี้เข้าใจง่าย แค่ทายว่าลูกบอลจะตกลงในช่องหมายเลขคู่หรือหมายเลขคี่ ตั้งแต่ 1-36 จะมีเลขคู่คี่อยู่อย่างละ 18 หมายเลข ถ้าทายถูกก็ได้เงินรางวัล 1 เท่าตัวกลับคืนมา
• แทงเต็งโซน เป็นการแทงแบบยกโซน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 โซนคือ 1st, 2nd และ 3rd โดยแต่ละโซนจะมีหมายเลขอยู่ 12 หมายเลข ถ้ารูเล็ตออกหมายเลขที่อยู่ในโซนที่เราแทง เราก็จะได้เงินรางวัล 2 เท่ากลับมา
• แทงเต็งแถว จะมีรูปแบบการแทงจะคล้ายกับการแทงเต็งโซน เพียงแต่เปลี่ยนมาเป็นการแทงแบบยกแถว ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แถวคือ 1st, 2nd และ 3rd เหมือนกัน และแต่ละแถวจะมีหมายเลขอยู่แถวละ 12 หมายเลข (แต่เลขที่อยู่ในแถวจะไม่เหมือนกับที่อยู่ในโซน) ถ้าหากรูเล็ตออกหมายเลขที่อยู่ในแถวที่เราแทง ทางคาสิโนจะจ่ายให้เรา 2 เท่าของเงินเดิมพัน

ในการแทงรูเล็ตแบบต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าอัตราการจ่ายมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงและโอกาสถูกรางวัล พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าแบบไหนที่จ่ายให้เราเยอะ ๆ ก็คือโอกาสถูกรางวัลมันมีน้อย แต่ถ้าเราถูกมันก็ให้กำไรที่งามไม่น้อยเหมือนกัน ส่วนใครที่เริ่มเล่น ยังไม่ค่อยคุ้นกับเกมรูเล็ตแนะนำว่าควรจะเล่นแบบความเสี่ยงต่ำดีกว่า แม้ว่ามันจะให้ผลกำไรน้อยแต่ก็ให้บ่อย เผลอ ๆ ด้วยช่วงเกมที่เท่ากันอาจทำกำไรให้เราได้มากกว่าอีกด้วย ที่สำคัญใครงบน้อยหรืออยากประหยัดเงินในการเล่นล่ะก็ การแทงแบบความเสี่ยงต่ำตอบโจทย์แน่นอน

รูเล็ต ราชาแห่งคาสิโน

ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนเล็กหรือใหญ่ แม้แต่คาสิโนออนไลน์ก็ต้องมีเกมพนันชนิดนี้ไว้ให้เล่นกัน เพราะมันคือเกมเดิมพันที่นิยมเล่นกันทั่วโลก เนื่องจากวิธีการเล่นที่ไม่ยุ่งยาก มีรูปแบบเดิมพันที่หลากหลาย อัตราจ่ายที่สมราคา แถมยังมีความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ให้ได้เลือกเล่นตามต้องการในเกมเดียว จึงทำให้ทุกคนต่างพร้อมที่จะลงทุนไปกับมัน ยิ่งลงมายิ่งได้มาก ยิ่งลงน้อยก็ยิ่งเสี่ยงน้อย

ส่วนวิธีเล่นรูเล็ตก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ทายว่าลูกบอลจะหยุดตรงไหนก็เท่านั้น แล้วก็รอให้ดีลเลอร์ดำเนินการเกมไป ส่วนเราก็นั่งลุ้นผลไม่ต้องทำอะไรมาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูดกันในบทความนี้ เพราะที่นี่เราจะมาคุยกันถึงเทคนิคที่จะช่วยให้มีโอกาสชนะ คาสิโนออนไลน์ ได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งเทคนิคที่ว่านั้นก็คือ

1.   เรียนรู้สถิติ

เนื่องจากเกมพนันทุกเกมมีค่า House Edge ที่มาจากค่าสถิติ รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่การดูสถิติเราจะดูว่าแต่ละโต๊ะมีการออกรางวัลกันอย่างไร บางโต๊ะอาจออกโซนใกล้ ๆ กัน บางโต๊ะอาจออกสลับไปมา ผลการออกรางวัลเหล่านี้จะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่ อุปกรณ์, แรงหมุน, จังหวะโยนลูก อันนี้ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยเล่น จะช่วงลดความเสี่ยงได้มาก

2.   ประยุกต์ใช้เค้าไพ่

อันนี้ใครที่มีพื้นฐานบาคาร่ามาบ้างก็จะอ่านเค้าได้ไม่ยาก การอ่านเค้ารูเล็ตเราจะมองไปที่การเดิมพันที่มีอัตราแพ้ชนะครึ่งต่อครึ่งอย่างพวกเดิมพัน ดำ-แดง, คู่-คี่, สูง-ต่ำ เป็นต้น โดยเค้าส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น

• เค้าสลับ คือ จะออกรางวัลสับฝั่งกัน อาจจะเป็นตาหรือสองตาก็ได้ แต่มันจะมีความสม่ำเสมอกัน เช่น ดำ, แดง, ดำ, แดง หรือ คู่, คู่, คี่, คี่, คู่, คู่ เป็นต้น
• เค้ามังกร คือ การออกรางวัลแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ตา เช่น ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ เป็นต้น
• เค้าตัวตัด คือ การออกรางวัลติดกันระยะหนึ่งแล้วสลับไปออกอีกฝั่งแค่ 1 ตา ก่อนจะกลับมาออกผลฝั่งเดิม เช่น ดำ, ดำ, ดำ, แดง, ดำ, ดำ, เป็นต้น

3.   มีแผนการเล่นทุกครั้ง

ถ้าคุณอยากเป็นนักพนันที่ดีและมีเงินใช่ล่ะก็ นี่เป็นสิ่งที่นักพนันทุกคนต้องมี ในแต่ละวันดูก่อนว่าวันนี้มีเงินทุนไว้เล่น รูเล็ต กี่บาท แล้วมาตั้งเป้าว่าจะเอากำไรกี่บาท ขาดทุนได้กี่บาท และทำตามอย่างเคร่งครัด หากเป้าหมายไหนถึงก่อนให้เลิก หรือถ้าเล่นนานแล้วไม่ถึงสักทีก็ให้รีบเลิก เพราะยิ่งเล่นนานเรายังเสียเปรียบคาสิโนออนไลน์

4.   ฝึกเล่นฟรีเสียบ้าง

ด้วยความนิยมในการเล่นเกมคาสิโน ทำให้เดี๋ยวนี้มีเว็บใหม่ ๆ เปิดขึ้นมามากมาย ทำให้แทบทุกที่ต่างก็มีโหมดเดโมหรือเล่นฟรีให้เราได้ลองกันแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลกลับมาแต่สิ่งที่เราได้คือวิธีการเล่น ทำให้เข้าใจว่ามันเล่นกันยังไง วางเดิมพันแบบไหนถึงจะทำกำไรได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นที่ทดสอบสูตรรูเล็ตชั้นดีอีกด้วย

5.   รู้จักเลือกโต๊ะที่ดีก่อนเล่น

ไม่ใช่ว่าเปิดมาถูกใจดีลเลอร์คนไหนก็เข้าไปเล่นเลยอันนี้มันก็ไม่ใช่ เราเข้ามาเล่นรูเล็ตเพื่อทำกำไร ดังนั้นสิ่งที่ควรดูก่อนเลยคือโต๊ะเป็นแบบไหน มันจะมีแบบยุโรป กับอเมริกา ซึ่งแบบอเมริกาจะมีช่อง “00” เพิ่มมาด้วย และจากความน่าจะเป็นแล้วเรามีโอกาสที่จะชนะบนโต๊ะยุโรปมากกว่า เพราะหมายเลขมันน้อยกว่านั่นเอง

6.   ศึกษาระดับความเสี่ยง

ทุกเกมพนันมีความเสี่ยง รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่เกมพนันชนิดนี้มีแค่เสี่ยงสูงกับเสี่ยงต่ำ วิธีดูก็ง่าย ๆ ยิ่งอัตราจ่ายสูงยิ่งมีโอกาสถูกน้อย มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียเดิมพัน แต่ถ้าเป็นที่อัตราจ่ายต่ำ ๆ จะทำกำไรได้เรื่อย ๆ เพราะมีความเสี่ยงน้อยอยู่ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ อย่าลืมยิ่งเล่นนานยิ่งเข้าทางค่า House Edge

7.   หาสูตรรูเล็ตมาใช้เสียบ้าง

สูตรรูเล็ตที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อเลย หากไปเจอใครที่ไหนขายสูตรหรือบอกว่ามีโปรแกรมโกงให้รีบผ่านไปซะ ส่วนใหญ่ก็แค่เอาสูตรฟรีมาปรับหน้าตานิดหน่อยให้ดูน่าเชื่อถือ สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่เราว่าจะเล่นอย่างไรอยู่ดี

8.   ไม่เล่นโดยใช้อารมณ์

การควบคุมสติเป็นสิ่งสำคัญมาก หลายคนเล่นเสียแล้วหัวร้อนอยากได้คืนก็ทบเงินเรื่อยสุดท้ายเงินหมด หรือบางคนอาจเล่นได้แล้วดีใจจนคิดว่าตัวเองมือขึ้น สุดท้ายก็เสียทั้งกำไรและเงินทุนกันไป ดังนั้นถ้ารู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมไปกับเกมล่ะก็ แนะนำว่าให้รีบหยุดเสียจะดีกว่า

9.   เล่นกับคาสิโนออนไลน์เว็บตรง

ต่อให้มีเทคนิคดีแค่ไหนก็ไม่สู้กับการเล่นรูเล็ตบนคาสิโนออนไลน์เว็บตรงแน่นอน เพราะที่นี่นอกจากจะมีมาตรฐานแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าเล่นรูเล็ตออนไลน์กับเว็บแบบนี้ยังไงก็ได้เงินชัวร์

แทงเต็งเลขแบบกระจายความเสี่ยง

แม้ว่าเทคนิคนี้จะให้อัตราจ่ายดี วางเดิมพันแต่ละทีมีโอกาสทำกำไรได้มากถึง 35 เท่า แทง 100 ได้ 3,500 เป็นใครบ้างที่จะไม่อยากลอง แต่เดี๋ยวก่อน สำหรับการแทงเต็งเลขต้องเข้าใจก่อนว่าเรามีโอกาสชนะแค่ 1/37 หรือราว ๆ 2.7% เท่านั้น การจะมาแทงทีละเลขทีละตาคงจะไม่เข้าท่านัก

การแทงเต็งเลขเราจะอิงกับตำแหน่งตัวเลขบนวงล้อรูเล็ต ซึ่งมีการแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ดังนี้

• Jue คือกลุ่มตัวเลขที่เราจะแทงทั้งหมด โดยจะนับจากจุดยึดไปทางซ้าย 4 ตัว ขวา 2 ตัว จากรูปถ้าเรายึด 0 เป็นหลัก เราจะแทง 12, 35, 3 และ 26 ที่อยู่ทางซ้าย กับ 32 และ 15 ที่อยู่ทางขวา
• Voisins du Zero เป็นโซนตัวเลขที่เราสามารถแทงเพื่อเพิ่มโอกาสชนะได้ โดยจะขยายตัวเลขออกไปทางซ้ายและขวาฝั่งละ 5 ตัว
• Orphelins เป็นชุดตัวเลขที่เราจะไม่แทงซึ่งจะอยู่ถัดจาก Voisins du Zero ไปทางซ้าย 5 ตัวและขวาอีก 3 ตัว
• Tiers du Cylindre คือฝั่งตรงข้ามที่เราเตรียมจะแทง

สมมติว่าเราต้องการใช้เลข 17 เป็นตัวยึด เราจะแทงเลข 4, 21, 2, 25, 17, 34 และ 6 ซึ่งถือว่าเป็นเลขที่อยู่ใน Jue ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายว่าจะแทงรูเล็ตเลขไหนดีพร้อมกับกระจายความเสี่ยงไปในตัว

เพิ่มโอกาสทำกำไรด้วยการแทงกลาง

เทคนิคนี้ได้รับการยอมรับว่ามีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเสีย โดยเราจะแบ่งตัวเลขออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1-12 เป็นกลุ่มต่ำ 13-24 เป็นกลุ่มกลาง และ 25-36 เป็นกลุ่มสูง การแทงตัวเลขกลุ่มกลางมีโอกาสที่จะออกเลขมากกว่าและอัตราจ่ายก็ยังคุ้มค่าอีกด้วย ทำให้ตำแหน่งนี้เป็นที่สนใจของนักเดิมพันจำนวนมาก ซึ่งทฤษฎีนี้มาจากสถิติหวยบวกกับการสุ่มตัวเลขทางสถิติที่มักจะออกผลมาแบบระฆังคว่ำ หรือออกค่ากลางมากกว่านั่นเอง

วิเคราะห์สถิติการออกรางวัล

แม้ว่าเทคนิคนี้จะไม่ได้ง่ายอย่างการอ่านเค้าไพ่บาคาร่า แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย เราจะดูภาพรวมกันแบบหยาบ ๆ เช่น หากจุดที่ออกต่ำซ้ำกันอย่างน้อย 3 ครั้ง แล้วไปออกสูง 1 ครั้ง มีโอกาสมากที่ครั้งต่อไปจะออกสูง เราก็จะแทงสูงตามไปเลย เพราะรูปแบบการออกรูเล็ตจะวิ่งเข้าจุดกึ่งกลาง ในที่นี้คือออกต่ำและสูงพอ ๆ กัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ผลออกมาเป็นสูงต่ำสลับกันบ่อย ๆ ก็ใช้วิธีแทงสลับไปได้เลย ก็จะมีโอกาสทำกำไรได้เช่นกัน

แทงดักสองฝั่ง

เราจะใช้การแทงต่ำกับกลางไปพร้อม ๆ กัน เพราะฝั่งที่ถูกจะให้เงินรางวัล 2 เท่าอยู่แล้ว ความเสี่ยงก็มีแค่ 1/3 หรือ 12 : 36 ที่จะไปออกฝั่งสูง และยังมีโอกาสชนะมากถึง 2/3 หรือ 24 : 36 กันเลยทีเดียว เช่น แทงไปจุดละ 50 บาท 2 จุดเป็นเงิน 100 บาท หากชนะจุดใดจุดหนึ่งก็ได้เงินกลับมา 150 บาท หักทุนแล้วยังเหลือกำไร 50 บาท เลยเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่มือใหม่นิยมใช้กันมาก แม้แต่มือเก่าก็ยังเลือกใช้กันจนถึงทุกวันนี้ ถึงจะทำกำไรได้ทีละน้อย ๆ แต่ในระยะยาวแล้วเป็นเทคนิคที่สามารถทำกำไรได้เยอะเลยทีเดียว

แทงดัก 0

อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อใดก็ตามที่รูเล็ตออก 0 ใครที่แทงตำแหน่งอื่นไว้ก็จะเสียทั้งหมด ดังนั้นเราจะแทงดัก 0 เอาไว้ทุกรอบด้วยเงินที่ต่ำที่สุดที่โต๊ะยอมให้วาง เพื่อที่จะให้ได้ลุ้นกำไรหากมันออก 0 จริงเราจะได้เงินมากถึง 360 บาท เหมือนการซื้อหวยเผื่อถูกนั่นเอง

แทงน้อย ๆ ได้แทงนาน ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการแทงรูเล็ตในตำแหน่งไหนก็ตามเราจะไม่ลงเงินทีละเยอะ ๆ แต่เราจะเลือกเล่นทีละน้อย ๆ เพื่อที่จะได้เล่นกันหลายตา หรือจะแทงพร้อมกันหลายตำแหน่งเพื่อกระจายความเสี่ยงก็ได้เช่นกัน ค่อย ๆ สะสมเงินกันไปเรื่อย ๆ ดีกว่าเสียทีละมาก ๆ แล้วมาหัวร้อนเล่นกันแบบขาดสติ

แทงแบบไร้อารมณ์

การมีอารมณ์ร่วมไปกับเกม ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หัวร้อน คึกคะนอง หรืออะไรก็ตาม ถือว่าเป็นภัยต่อการเล่นรูเล็ตอย่างมาก เพราะมันทำให้เราขาดสติ ลืมแผนการและเป้าหมายที่วางไว้ การตัดสินใจก็คลาดเคลื่อน มีโอกาสมากที่จะเสี่ยงต่อการขาดทุน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือวิเคราะห์เกมไปเรื่อย ๆ อย่างปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ทำตามแผนที่วางไว้ก็พอ

ตั้ง TP/SL เสมอ

เทคนิคนี้เป็นการประยุกต์ใช้จากตลาดหุ้น โดยเราจะทำการตั้งจุดที่ต้องการทำกำไร (TP = Take Profit) และจะจุดยอมแพ้หรือขาดทุน (SL = Stop Loss) ไว้เสมอ เพื่อรักษาเงินทุนเอาไว้ หากได้กำไรเราก็จะพอ ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยให้ผู้เล่นใหม่รอดจากการหมดตัวมานักต่อนักแล้ว

หัวใจสำคัญในการเล่นรูเล็ตไม่ได้อยู่ที่ว่าเล่นยังไงให้ได้กำไร แต่เป็นการวางเดิมพันแบบไหนให้มีโอกาสทำกำไรมากกว่า ซึ่งเทคนิคการเล่นรูเล็ตก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่จะช่วยป้องกันการขาดทุนและเพิ่มกำไรตรงนี้ได้ โดยเฉพาะการเล่นตามแผนและการตั้งจุดทำกำไร ตัดขาดทุน หากทำได้ยังไงก็กำไรแน่นอน

Inside Bet ตำแหน่งวางเดิมพันที่ไม่ควรมองข้าม

ปกติแล้วผู้เล่นทั่วมักจะให้ความสนใจในการวางเดิมพันแบบ Outside Bet หรือที่เรียกกันว่ารูเล็ตวงนอก อย่างแทงสูง-ต่ำ, ดำ-แดง, คู่-คี่ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ โอกาสถูกรางวัลมีบ่อย แต่ก็แลกมาด้วยอัตราจ่ายที่ต่ำกว่าด้วย ต่างจาก Inside Bet ที่มีความเสี่ยงสูง โอกาสถูกรางวัลน้อย ถึงอย่างนั้นถ้าเราเข้าใจตำแหน่งวางเดิมพันก็จะสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรที่มากกว่าด้วย ซึ่งตำแหน่งที่ว่าก็มี

• Straight up เป็นการแทงไปที่เลขใดเลขหนึ่งเท่านั้น หากทายถูกก็จะได้รับกำไร 35 เท่า
• Split เป็นการแทงแบบควบสองหมายเลขที่อยู่ติดกัน หากออกเลขใดเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ จะได้รับกำไรกลับมา 17 เท่า
• Trio เป็นการแทงควบสามหมายเลขที่อยู่ติดกันในลักษณะสามเหลี่ยม ปกติแล้วจะมีหมายเลข 0, 1, 2 กับ 0, 2, 3 ที่อยู่ติดกัน หากออกเลขใดเลขหนึ่งก็จะได้รับกำไร 11 เท่า
• Tree เป็นการแทงควบสามหมายเลขเช่นกัน แต่รูปแบบตัวเลขจะเรียงเป็นแถวเดียวกันและเรียงกัน เช่น 13, 14, 15 หรือ 22, 23, 24 เป็นต้น ถ้าออกเลขใดเลขหนึ่งก็จะได้รับกำไร 11 เท่า เช่นกัน
• Corner เป็นการแทงควบสี่หมายเลขที่อยู่ติดกันในลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส เช่น 13, 14, 16, 17 หรือ 20, 21, 23, 24 เป็นต้น การแทงรูปแบบนี้จะได้รับกำไร 8 เท่า
• Six line เป็นการแทงควบหกหมายเลขที่อยู่ติดกัน คล้ายกับการแทงแบบ Tree ติดกันสองแถว เช่น 13, 14, 15, 16, 17, 18 หรือ 19, 20, 21, 22, 23, 24 เป็นต้น การแทงลักษณะนี้จะได้รับกำไรน้อยกว่ารูปแบบอื่นคือ 5 เท่า

เทคนิควางเดิมพันแบบ Inside Bet

หลังจากที่รู้จักกับตำแหน่งวางเดิมพันกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูเทคนิคการเล่นแบบ Inside Bet กันบ้าง แม้ว่าจะเป็นการเล่นรูเล็ตวงในที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอนเพียงแค่เรารู้จักเทคนิคการวางเดิมพันแบบกระจายความเสี่ยง หลัก ๆ แล้วที่นิยมใช้กันก็จะมี

Neighbours of Zero

เทคนิคนี้ได้รับการยืนยันจากบรรดาเซียนพนันว่ามีโอกาสชนะมากถึง 45.94% กันเลยทีเดียว ซึ่งวิธีเล่นจะเป็นการวางเดิมพันพร้อมกัน 17 หมายเลข 7 ตำแหน่ง ดังนี้

• แทง Trio ในตำแหน่ง 0, 2, 3 จำนวน 20 บาท
• แทง Split 4 กับ 7 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 12 กับ 15 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 18 กับ 21 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 19 กับ 22 จำนวน 10 บาท
• แทง Corner ในตำแหน่ง 25, 26, 28, 29 จำนวน 20 บาท
• แทง Split 32 กับ 35 จำนวน 10 บาท

จากทั้งหมดนี้เราใช้ทุนไป 90 บาท เรามาดูกันว่ามีโอกาสได้กำไรหรือขาดทุนจากเหตุการณ์ไหนกันบ้าง

• ถ้ารูเล็ตออกเบอร์ 0, 2 หรือ 3 จะได้กำไร 150 บาท
• ถ้าออกเบอร์ 25, 26, 28 หรือ 29 จะได้กำไร 90 บาท
• ถ้าออกเบอร์อื่น ๆ ก็จะได้กำไร 90 บาทเช่นกัน
• ถ้าไม่ออกเบอร์ไหนเลย ขาดทุนทันที 90 บาท

Zero game

เป็นเทคนิคการเล่นที่เน้นโซน 0 เช่นกัน แต่ว่าจะใช้หมายเลขเดิมพันเพียง 7 หมายเลข 4 ตำแหน่งเท่านั้น แต่ก็มีโอกาสชนะอยู่ที่ 18.91% ซึ่งจะมีวิธีการวางเดิมพันในแต่ละตำแหน่งดังนี้

• แทง Split 0 กับ 3 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 12 กับ 15 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 32 กับ 35 จำนวน 10 บาท
• แทง Straight up 26 จำนวน 10 บาท

จากทั้งหมดนี้เราใช้ทุน 40 บาท โอกาสที่จะได้กำไรหรือขาดทุนก็มี

• ถ้ารูเล็ตออกเบอร์ 26 จะได้รับกำไร 320 บาท
• ถ้าออกเบอร์อื่น ๆ ก็จะได้กำไร 140 บาทเช่นกัน
• ถ้าไม่ออกเบอร์ไหนเลย ขาดทุนทันที 40 บาท

Third of the wheel

การเล่นด้วยเทคนิคนี้จะใช้การแทงแบบ Split เพียงอย่างเดียว มีโอกาสชนะอยู่ที่ 32.43 โดยจะวางเดิมพันทั้งหมด 6 ตำแหน่ง 12 หมายเลข ดังนี้

• แทง Split 5 กับ 8 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 10 กับ 11 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 13 กับ 16 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 23 กับ 24 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 27 กับ 30 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 33 กับ 36 จำนวน 10 บาท

จากทั้งหมดนี้เราใช้ทุน 60 บาท โอกาสที่จะได้กำไรหรือขาดทุนก็มี

• ถ้ารูเล็ตออกเบอร์ที่แทงไว้ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ใดก็ตามจะได้รับกำไร 120 บาท
• ถ้าไม่ออกเบอร์ไหนเลย ขาดทุนทันที 60 บาท

Orphans

การวางเดิมพันเล่นรูเล็ตแบบวงในที่มีโอกาสชนะ 21.62% สำหรับเทคนิคนี้จะวางเดิมพันทั้งหมด 8 หมายเลข โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรก ได้แก่เบอร์ 1, 20, 14, 31, 9 และส่วนที่สองได้แก่ 17, 34, 6 ซึ่งแต่ละส่วนมีวิธีการวางเดิมพัน ดังนี้

• แทง Straight up 1 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 6 กับ 9 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 14 กับ 17 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 17 กับ 20 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 31 กับ 34 จำนวน 10 บาท

จากทั้งหมดนี้เราใช้ทุน 50 บาท โอกาสที่จะได้กำไรหรือขาดทุนก็มี

• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลข 1 จะได้กำไร 320 บาท
• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลขอื่นที่แทงไว้จะได้กำไร 130 บาท
• ถ้าไม่ออกเบอร์ไหนเลย ขาดทุนทันที 50 บาท

Neighbours

ใครที่จะใช้เทคนิคนี้บอกก่อนเลยว่าต้องพร้อมที่จะแบกความเสี่ยงด้วย ยิ่งใช้หมายเลขมากยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้น ถือว่าเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างอิสระอย่างมาก มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องระวังคืออย่าวางเดิมพันพร้อมกันเกิน 26 หมายเลข เพราะคาสิโนออนไลน์หลายแห่งจะไม่นับเทิร์นโอเวอร์ให้กับการแทงรูปแบบนี้ นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะได้หรือเสียยอดเทิร์นก็ไม่ขึ้น อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำว่าแทงขั้นต่ำ 5 หมายเลข ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี หากน้อยกว่านี้โอกาสชนะก็จะน้อยไปด้วยเช่นกัน

Final bets

โอกาสชนะสำหรับการแทงรูปแบบนี้จะมีอยู่ 2 แบบ คือ หากแทง 4 หมายเลข จะมีโอกาสชนะ 10.81% แต่ถ้าแทงแบบ 3 หมายเลข โอกาสชนะจะลดเหลือเพียง 8.10% เท่านั้น ส่วนการวางเดิมพันแต่ละแบบจะส่งผลแตกต่างกันดังนี้

วางเดิมพันแบบ 4 หมายเลข โดยการแทง Straight up 0, 10, 20 และ 30 ตำแหน่งละ 10 บาท จะใช้ทุนทั้งหมด 40 บาท หากออกหมายเลขที่แทงไว้ก็จะได้รับกำไร 320 บาท แต่ถ้าไม่ตกเลขไหนเลยก็จะขาดทุน 40 บาท

วางเดิมพันแบบ 3 หมายเลข โดยการแทง Straight up 7, 17 และ 27 ตำแหน่งละ 10 บาท ไม่ว่าจะตกที่หมายเลขไหนก็จะได้รับกำไร 330 บาท แต่ถ้าไปออกหมายเลขอื่นก็จะขาดทุน 30 บาท

Complete bets

สำหรับเทคนิคสุดท้ายนี้จะมีโอกาสชนะ 24.32% แต่ก็มีความซับซ้อนมากกว่าเทคนิคอื่น เพราะต้องวางเดิมพันแบบผสมผสานหลาย ๆ วิธี โดยใช้หมายเลข 17 เป็นจุดศูนย์กลางของการเล่น ซึ่งมีวิธีการวางเดิมพันดังนี้

• แทง Straight up 17 จำนวน 10 บาท
• แทง Split 17 กับ 14, 17 กับ 16, 17 กับ 18 และ 17 กับ 20 ตำแหน่งละ 20 บาท
• แทง Tree บนแถวหมายเลข 16, 17, 18 จำนวน 30 บาท
• แทง Corner ในตำแหน่ง 13, 14, 16, 17 / 14, 15, 17, 18 / 16, 17, 19, 20 และ 17, 18, 20, 21 ตำแหน่งละ 40 บาท
• แทง Six line ในตำแหน่ง 13, 14, 15, 16, 17, 18 และ 16, 17, 18, 19, 20, 21 ตำแหน่งละ 60 บาท

จากทั้งหมดนี้เราใช้ทุน 400 บาท โอกาสที่จะได้กำไรหรือขาดทุนก็มี

• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลข 17 จะได้กำไร 3,920 บาท
• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลข 16 หรือ 18 จะได้กำไร 1,760 บาท
• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลข 14 หรือ 20 จะได้กำไร 1,040 บาท
• ถ้ารูเล็ตออกหมายเลข 13, 15, 19 หรือ 21 จะได้กำไร 320 บาท
• ถ้าไม่ออกเบอร์ไหนเลย ขาดทุนทันที 400 บาท  

ใครที่เพิ่งหัดเล่นรูเล็ตใหม่ ๆ ก็คงคิดว่าแค่วางเดิมพันเข้าไปตามรูปแบบเดิมพันที่มีบนโต๊ะก็พอ ไม่ว่าจะเป็นเต็งเลข, แทงสูง-ต่ำ, แทงสี, แทงโซน, แทงแถว หากดูแค่ผิวเผินอาจมองแค่อัตราจ่ายแล้ววางเดิมพันลงไป แต่รู้หรือไม่ครับว่านั่นไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสชนะเลยหากไม่รู้จักรูปแบบการวางเดิมพันที่แท้จริง เพราะรูเล็ตนั้นจะแบ่งรูปแบบการแทงออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แทงวงนอก กับแทงวงใน ซึ่งมันให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมากเลย

รูเล็ตวงนอกคืออะไร เล่นยากไหม ได้เยอะแค่ไหน

รูเล็ตวงนอก เป็นการเล่นที่มีความเสี่ยงต่ำมาก มีโอกาสชนะที่สูง แต่ก็แลกมาด้วยอัตราการจ่ายที่ค่อนข้างต่ำ เพราะเป็นจุดที่คาสิโนเสียเปรียบเรามากที่สุด จุดนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบเล่นแบบเรื่อย ๆ ไม่ค่อยชอบเสี่ยง ชอบอะไรที่ให้ความมั่นคง แน่นอน ซึ่งวิธีการเล่น รูเล็ตวงนอกก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก รูปแบบการเล่นก็มีดังนี้

1. แทงสี วิธีนี้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่เราวางเดิมพันทายไปว่าการหมุนวงล้อรอบนั้น ลูกบอลจะไปหยุดที่ช่องสีอะไร ซึ่งจะมีแค่สีดำ กับสีแดง เท่านั้น ส่วนสีเขียวของหมายเลข 0 จะไม่สามารถวางเดิมพันได้ เท่ากับว่าหากรูเล็ตออก 0 เราก็จะไม่ได้รางวัลนั่นเอง อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน
2. แทงคู่-คี่ รูปแบบการแทงจะคล้ายกับแทงสี เพียงแค่เปลี่ยนเงื่อนไขมาเป็นเลขคู่กับเลขคี่เอา หากลูกบอลตกอยู่ในช่องเลขคู่หรือเลขคี่ตามที่เราแทงก็ถือว่าชนะ หากตกในช่อง 0 จะถือว่าไม่ถูกรางวัล เพราะเลข 0 ไม่ใช่ทั้งเลขคู่และเลขคี่ ส่วนอัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน
3. แทงสูง – ต่ำ จากตัวเลข 0 – 36 บนวงล้อ จะตัดเลข 0 ออกไป แล้วจัดกลุ่มตัวเลขไว้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มต่ำ (1-18) และกลุ่มสูง (19-36) เราเพียงแค่วางเดิมพันทายว่าลูกบอลจะหยุดที่เลขกลุ่มสูงหรือกลุ่มต่ำ หากออกตรงกับที่วางไว้ เช่น แทงกลุ่มสูง ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 31 ถือว่าเราชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน หากรูเล็ตออก 0 ถือว่ารอบนั้นไม่ออกรางวัล
4. แทงแถว รูปแบบการแทงนี้จะแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 3 แถว คือ

    แถวที่ 1 หรือ 1st มีหมายเลข 1, 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, 28, 31, 34

แถวที่ 2 หรือ 2nd มีหมายเลข 2, 5, 8, 11, 14, 17, 20, 23, 26, 29, 32, 35

แถวที่ 3 หรือ 3rd มีหมายเลข 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36

วิธีการแทงก็แค่ทายไปว่าลูกบอลจะหยุดในแถวไหน หากหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในแถวที่เราแทง เช่น แทงแถวที่ 3 ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 18 ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน

5. แทงโซน อันนี้ก็จะคล้ายการแทงแถว แต่จะเป็นการแบ่งตัวเลข 1-36 ออกเป็น 3 โซน แต่ละโซนจะมีเลขต่างจากแบ่งเป็นแถว ดังนี้

โซนที่ 1 หรือ 1st มีหมายเลข 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12

โซนที่ 2 หรือ 2nd มีหมายเลข 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21, 22, 23, 24

โซนที่ 3 หรือ 3rd มีหมายเลข 25, 26, 27, 28, 29, 30, 31, 32, 33, 34, 35, 36

ส่วนหมายเลข 0 ไม่อยู่ในโซนใด ๆ วิธีเล่นก็จะเหมือนกับการแทงแถว หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในโซนที่เราแทง เช่น แทงโซน 2 ลูกบอลหยุดที่หมายเลข 13 แบบนี้ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน

รูเล็ตวงในเป็นอย่างไร แทงยังไง จ่ายแบบไหน

คราวนี้เรามากันที่รูเล็ตวงในกันบ้าง ซึ่งมันจะตรงข้ามกับวงนอกอย่างเห็นได้ชัดคือ อัตราจ่ายที่สูงมาก ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสชนะที่ลดน้อยลง และความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเสี่ยง หรือต้องการทำกำไรในระยะสั้น และยิ่งเอาไปใช้กับสูตรรูเล็ตอื่น หรือสูตรเดินเงิน จะยิ่งทำให้การเล่นรูเล็ตวงในมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการเล่นก็จะมีดังนี้

1. แทงเลขเดียว หรือที่เรียกว่าแทงเต็งเลข เป็นการเจาะจงไปที่เลขใดเลขหนึ่งเท่านั้น แต่ว่าใน 1 ตาเราจะแทงกี่เลขก็ได้ หากลูกบอลหยุดตรงกับหมายเลขที่เราแทงไว้ก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 36 ไม่รวมทุน
2. แทง 2 เลข หรือที่เรียกว่าแทงค่อมสอง เป็นการแทงพร้อมกัน 2 หมายเลข โดยหมายเลขดังกล่าวจะต้องอยู่ติดกัน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 17 ไม่รวมทุน
3. แทง 3 เลข หรือแทงค่อมสาม วิธีเล่นจะคล้ายกับแทงโซน แต่จะเป็นการแทงตัวเลข 3 ตัวที่อยู่ติดกันบนโต๊ะแทน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขใดหมายเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน
4. แทง 4 เลข หรือแทงค่อมสี่ เป็นการแทงพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกันบนโต๊ะในรูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส เช่น 1, 2, 4, 5 หรือ 7, 8, 10, 11 เป็นต้น หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 11 ไม่รวมทุน
5. แทง 6 เลข หรือแทงค่อมหก เป็นการแทงคล้ายกับค่อมสาม แต่ว่าจะเป็น 6 เลขที่อยู่ติดกัน หากลูกบอลหยุดที่เลขใดเลขหนึ่งก็ถือว่าชนะ อัตราจ่ายจะอยู่ที่ แทง 1 จ่าย 5 ไม่รวมทุน

สูตรเดินเงินรูเล็ต ตัวช่วยทำกำไร

ลำพังแค่อาศัยอัตราจ่ายและความเสี่ยงในการเล่นรูเล็ตวงนอกวงในอาจทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย แม้จะเล่นแบบความเสี่ยงทำก็ทำกำไรได้ช้า ยิ่งเล่นหลายตายิ่งเสียคืนคาสิโน ถ้าจะเล่นด้วยความเสี่ยงสูง ได้กำไรเยอะก็จริง แต่โอกาสชนะก็น้อย อาจทำให้ขาดทุนก่อนด้วยซ้ำ

ดังนั้นสูตรเดินเงินรูเล็ต จึงเป็นเหมือนตัวช่วยที่จะลดความเสี่ยงในการลงทุนให้กับเรา ส่วนใหญ่สูตรที่เราคุ้นเคยกันดีก็มีพื้นฐานมาจากสูตรเดินเงินบาคาร่า ไม่ว่าจะเป็นสูตร Martingale, 1324, พาโรลี, ลาบูเซอร์, เดลองเบ และอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่สำหรับรูเล็ตที่ต้องตัดสินใจให้เร็วแล้ว ผมจะพาไปรู้จักกับ 2 สูตรเด่น ๆ เลยก็คือ สูตรเดินเงิน Martingale และสูตรเดินเงิน 1324 ซึ่งสองสูตรนี้ไม่ได้มีดีแค่เข้าใจง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นสูตรที่นักพนันนิยมใช้กันอีกด้วย

สูตรเดินเงิน Martingale

ไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่าผมว่าสูตรเดินเงินตัวนี้ต้องเป็นสูตรแรกที่ทุกคนต้องใช้แน่ บางทีอาจรู้จักกันในชื่อว่าสูตรแทงทบ จุดเด่นของมันเลยก็คือใช้แก้เกมเวลาที่เราเสีย มันจะดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาให้หมดทุกบาททุกสตางค์หรือที่เรียกว่าสูตรถอนทุนนั่นเอง นอกจากนี้มันยังทำกำไรให้อีก 1 หน่วยเป็นค่าเสียเวลาให้เราอีกด้วย

ปัจจัยสำคัญที่คนใช้สูตรนี้นอกจากเงินทุนที่หนาพอประมาณแล้วก็คือ สติกับวินัยในการเล่น หากคุมเกมไม่ดี หรือมีอารมณ์ร่วมบอกเลยว่ากระเป๋าแหก ถังแตกกันมาเยอะแล้ว เพราะหลักการใช้งานของมันคือเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่แทงเสีย

สูตรนี้มันก็มีข้อเสียอีกอย่างคือถ้าใครดวงตกจริง ๆ เล่นแล้วแพ้ยาว ๆ ควรจะหยุด เพราะมันจะทำให้เงินหมดไวมาก ๆ แต่ถ้าแพ้ชนะสลับกันไปอันนี้สูตรจะทำงานได้ดี ถ้าจะให้ดีควรจะเล่นด้วยสูตรนี้ 5 ตา หรือว่า 5 ไม้ แพ้ติดกันครบ 5 เมื่อไหร่ก็รีบหยุดเลย ส่วนใครที่ทุนน้อยผมไม่ยากให้ใช้ เพราะความเสี่ยงมาสูงมากเมื่อเทียบกับเงินในกระเป๋า

ถ้าอยากรู้ว่าเงินที่มีมันมากหรือน้อย ให้เอาเดิมพันขั้นต่ำของโต๊ะมาเป็นตัวหารครับ หากหารแล้วได้ตั้งแต่ 100 ขึ้นไป อย่างนี้ก็พอได้ลุ้นกันหน่อย แต่ถ้าต่ำกว่านี้ควรมองหาสูตรอื่น หรือสูตร 1324 ที่ผมกำลังจะพูดถึงครับ

สูตรเดินเงิน 1324

ใครทุนน้อยผมอยากแนะนำสูตรนี้มาก ๆ แค่เอาชนะติดกัน 4 ตาให้ได้ ก็ทำกำไรให้มากถึง 10 เท่าสำหรับอัตราจ่ายแทง 1 จ่าย 1 ไม่รวมทุน ยิ่งเป็นอัตราจ่ายอื่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบจะรวยไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้ดูกันเลย

รอบที่ 1 แทงไป 10 บาท ชนะได้กำไรกลับมา 10 บาท ลุยต่อรอบ 2

รอบที่ 2 แทงไป 30 บาท โดยใช้ทุนกับกำไรรอบแรก 20 บาท แล้วเพิ่มทุนไปอีก 10 บาท ชนะได้กำไรกลับมา 30 บาท ตอนนี้ผมได้กำไรทั้งหมด 40 บาทแล้ว จัดรอบต่อไปเลย

รอบที่ 3 แทงไป 20 บาท โดยใช้แค่กำไรที่ได้มาเท่านั้น ยังเหลือกำไรติดกระเป๋าอีก 20 บาท โชคดีชนะ ได้กำไรกลับมา 20 บาท รวมแล้วได้กำไร 60 บาท ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอไปให้สุดเลยแล้วกัน

รอบที่ 4 แทงไป 40 บาท ด้วยกำไรอย่างเดียว เหลือติดกระเป๋าไว้ 20 บาท โชคช่วยได้กำไรกลับมา 40 เท่ากับว่าเล่นมา 4 รอบ ผมได้กำไรไปทั้งหมด 100 บาท จากทุน 10 บาทในรอบแรก

เห็นไหมครับว่ามันทำกำไรได้จริง ๆ แค่เอาชนะ 2 รอบแรกให้ได้ ต่อให้แพ้รอบที่ 3 ก็ยังเหลือกำไรอยู่ดี แล้วแบบนี้ยิ่งอัตราจ่ายสูงขึ้น ยิ่งเหลือกำไรให้เล่นกันอีกบาน

อย่างไรก็ตามนอกจากรูเล็ตแล้ว สูตรเดินเงินที่ผมเอามาแบ่งปันทั้งสองสูตร สามารถเอาไปใช้ได้กับทุกเกมพนันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น บาคาร่า, ไฮโล, เสือมังกร หรือแม้แต่แบล็คแจ็กก็ใช้ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนยังไง ผมอยากให้คุณ ๆ จำสูตรนี้ไว้เลยครับ เล่นได้ให้พอ เสียให้เลิก เพียงเท่านี้ก็จะสนุกไปกับทุกการวางเดิมพันแล้ว ที่สำคัญอย่าเล่นนานเกินไป เพราะท้ายที่สุดไม่มีใครเอาชนะคาสิโนได้ในระยะยาวแน่นอน

รู้จักความเสี่ยงก่อนวางเดิมพัน

ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่า หรือมือเก๋า มักจะมองข้ามเรื่องนี้เสมอ นั่นก็คือความเสี่ยง คนส่วนมากมักจะสนใจสูตรรูเล็ตมากว่า เพราะมันไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เดินตามสูตรก็ได้ผล แต่ลืมดูไปว่ารูเล็ตที่เล่นอยู่มันมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายหมดตัวไวก็มาบอกว่าสูตรไม่ดีอีก

ปกติแล้ว รูเล็ต จะมีความเสี่ยงอยู่ 2 ระดับด้วยกันคือ ความเสี่ยงสูง กับความเสี่ยงต่ำ วิธีดูง่าย ๆ ก็คือดูที่อัตราจ่ายของแต่ละช่อง ถ้าจ่ายน้อยสักไม่เกิน 2 เท่าของทุนถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ โอกาสชนะมีสูงมาก แต่ถ้าจ่ายมากแบบหลายสิบเท่า ถือว่ามีความเสี่ยงสูง โอกาสชนะน้อยมาก

ส่วนรูปแบบการวางเดิมพันของ รูเล็ต ที่มีความเสี่ยงต่ำจะมีดังนี้

• ดำ – แดง คือการทายว่าลูกบอลจะตกอยู่ที่สีใด ระหว่างสีดำกับสีแดง หากตกในช่องที่เราวางเดิมพันไว้ก็ถือว่าชนะ จะได้รับกำไรกลับมา 1 เท่า
• คู่ – คี่ คือการทายว่าลูกบอลจะตกอยู่ที่เลขคู่หรือเลขคี่ หากตกอยู่ตรงกับเลขที่ที่เราแทงก็จะถือว่าชนะ กำไรที่ได้กลับมาคือ 1 เท่า
• สูง – ต่ำ คือการแทงตัวเลขแบบยกกลุ่มว่าลูกบอลจะตกอยู่ในหมายเลขกลุ่มต่ำ (1-18) หรือว่ากลุ่มสูง (19-36) ส่วนเลข 0 จะถือว่าไม่อยู่ในกลุ่มใด ๆ กำไรที่ได้เมื่อทายถูกคือ 1 เท่า
• เต็งแถว คือการทายว่าเลขรางวัลที่ออกนั้นจะอยู่ในแถวใด บนโต๊ะรูเล็ตจะแบ่งตัวเลข 1-36 ไว้ทั้งหมด 3 แถว คือ 1st, 2nd และ 3rd ส่วนหมายเลข 0 จะถูกแยกต่างหาก กำไรที่จะได้รับเมื่อถูกรางวัลคือ 2 เท่า
• เต็งโซน ลักษณะการแทงจะคล้ายกับแทงเต็งแถว มีการแบ่งเป็น 3 โซนคือ 1st, 2nd และ 3rd แต่ละโซนจะมีอยู่ 12 หมายเลข ยกเว้นเลข 0 ที่จะไม่อยู่ในโซน หากลูกบอลหยุดที่หมายเลขที่อยู่ในโซนที่เราแทงไว้ก็จะได้รับกำไร 2 เท่า เช่นกัน

ทีนี้เรามาดูกันว่าพวกรูเล็ตที่มีความเสี่ยงสูงเขาเล่นกันยังไง และกำไรที่ได้มันล่อตาล่อใจขนาดไหนกันบ้าง

• เต็งเลข คือการวางเดิมพันไปที่เลขใดเลขหนึ่งโดยเฉพาะ เล่นได้ตั้งแต่เลข 0-36 กำไรที่จะได้รับคือ 35 เท่า
• ค่อม 2 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 2 หมายเลขที่อยู่ติดกัน หากถูกเลขใดเลขหนึ่งจะได้รับกำไร 17 เท่า
• ค่อม 3 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 3 หมายเลขที่อยู่แถวเดียวกัน ถ้าถูกเลขใดเลขหนึ่งจะได้รับกำไร 11 เท่า
• ค่อม 4 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 4 หมายเลขที่อยู่ติดกันในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กำไรที่จะได้รับเมื่อถูกรางวัลคือ 8 เท่า
• ค่อม 6 เลข คือการวางเดิมพันพร้อมกัน 6 หมายเลขที่อยู่ติดกัน หรือเป็นการแทงสองแถวที่อยู่ติดกันนั่นเอง หากชนะจะได้กำไ 5 เท่า

สูตรรูเล็ต ยอดฮิตที่ใช้กันมากที่สุด

เนื่องจากรูเล็ตนั้นเป็นเกมพนันที่มีอัตราจ่ายต่างกันแบบสุดกู่เลยก็ว่าได้ ยิ่งตัวไหนที่ให้กำไรดีก็มีโอกาสมากที่จะเสีย ขณะที่การแทงแบบความเสี่ยงต่ำ โอกาสทำกำไรก็มีน้อยเหลือเกิน เลยมีคนคิดใช้สูตรเดินเงินรวมไปถึงสูตรรูเล็ตต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้เอาชนะได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตร 1324, ลาบูเซอร์, อัตราเพิ่มคงที่ แต่สำหรับพี่ใหญ่ที่จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ 2 สูตรจากตระกูลมาร์ติงเกล นั่นก็คือ Winning Martingale และ Super Martingale นั่นเอง

สูตรเดินเงิน Winning Martingale

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสูตร Martingale คือสูตรแทงทบเวลาที่แพ้ เพื่อที่จะถอนทุนที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ว่าสูตรนั้นมีจุดอ่อนตรงที่ผู้ใช้จะต้องมีเงินทุนจำนวนมากถึงจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะทุนหมดก่อนได้เงินคืน และยังมีปัญหาเรื่องทบแล้วเกินเดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้อีก ทำให้ใช้ยากขึ้น

ส่วนสูตร Winning Martingale จะเป็นสูตรที่ย้อนศร Martingale นั่นก็คือวางเดิมพันเป็นสองเท่าทุกครั้งที่ชนะ และเงินที่ใช้ก็มาจากกำไรที่ได้ขอรอบก่อน ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนเยอะก็ทำกำไรได้ง่าย ๆ ซึ่งมีวิธีการใช้ดังนี้

ก่อนอื่นจะต้องแบ่งเงินทุนออกเป็นหน่วยเดิมพันเสียก่อน ให้แต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่ากัน จากนั้นก็เริ่มใช้สูตรได้เลย

• เริ่มต้นวางเดิมพัน 1 หน่วย
• ถ้าชนะ รอบต่อไปให้วางเดิมพันเป็น 2 เท่า
• ถ้าแพ้ให้กลับไปวางเดิมพัน 1 หน่วยใหม่อีกครั้ง

สำหรับสูตรนี้มีสิ่งที่ต้องระวังเพียงอย่างเดียวคือเราจำเป็นต้องวางแผนการเล่นด้วยว่าจะใช้สูตรนี้กี่รอบ เพราะถ้าทบเกินไปสุดท้ายอาจเสียกำไรที่ได้มาทั้งหมดไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน

สูตรเดินเงิน Super Martingale

สูตรนี้ถือได้ว่าเป็นสูตรถอนทุนที่พัฒนามาจาก Martingale อีกที เพราะสูตรเก่านั้นแม้จะเรียกเงินที่เสียไปกลับคืนมาได้ แต่กำไรทำได้แค่หน่วยเดียวถือว่าไม่คุ้มค่าเสี่ยง ก็เลยมีการทำสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อดึงกำไรรอบที่เล่นเสียกลับมาด้วย เหมือนย้อนเวลากลับไปชนะนั่นเอง วิธีใช้ก็คือ

• ถ้าเล่นชนะ วางเดิมพัน 1 หน่วยไปจนกว่าจะแพ้
• ถ้าแพ้ ให้วางเดิมพันเป็นสองเท่าและเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งหน่วย ยกตัวอย่างเช่น ตานี้เสีย 2 หน่วย ตาถัดไปวางเดิมพัน 5 หน่วย (4+1) เป็นต้น

การใช้สูตรนี้จำเป็นต้องมีเงินลงทุนอย่างน้อยสัก 100 หน่วยเพื่อกันแตก เพราะถ้าเริ่มต้นที่ 1 หน่วย สเต็ปเสีย 5 ไม้จะเป็น 1 + 3 + 7 + 15 + 31 = 57 หน่วย และต้องบอกก่อนเลยว่าสูตรนี้ไม่เหมาะกับคนทุนน้อยและคนที่รับความเสี่ยงสูงไม่ไหว

แต่ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็สูตรสูตรนี้ไม่ได้ ใครใช้ได้เรียกว่ารวยแน่ นั่นก็คือ ได้ให้พอ เสียให้เลิก เล่นแบบมีสติ มีเป้าหมาย มีวินัย เพียงเท่านี้การทำกำไรจากรูเล็ตออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

รูเล็ต คิง ออฟ คาสิโน

ไม่ว่าจะเป็นคาสิโนเล็กหรือใหญ่ แม้แต่คาสิโนออนไลน์ก็ต้องมีเกมพนันชนิดนี้ไว้ให้เล่นกัน เพราะมันคือเกมเดิมพันที่นิยมเล่นกันทั่วโลก เนื่องจากวิธีการเล่นที่ไม่ยุ่งยาก มีรูปแบบเดิมพันที่หลากหลาย อัตราจ่ายที่สมราคา แถมยังมีความเสี่ยงระดับต่าง ๆ ให้ได้เลือกเล่นตามต้องการในเกมเดียว จึงทำให้ทุกคนต่างพร้อมที่จะลงทุนไปกับมัน ยิ่งลงมายิ่งได้มาก ยิ่งลงน้อยก็ยิ่งเสี่ยงน้อย

วิธีเล่นรูเล็ตก็ไม่ยากเพียงแค่ทายว่าลูกบอลจะหยุดตรงไหนก็เท่านั้น แล้วก็รอให้ดีลเลอร์ดำเนินการเกมไป ส่วนเราก็นั่งลุ้นผลไม่ต้องทำอะไรมาก ส่วนวิธีเล่นและการวางเดิมพันเราจะไม่พูดกันในบทความนี้ เพราะที่นี่เราจะมาคุยกันถึงวิธีที่จะช่วยให้มีโอกาสชนะ คาสิโนออนไลน์ ได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งรวม ๆ กันแล้วก็มีอยู่ 9 อย่างด้วยกันคือ

1. เข้าใจสถิติ เนื่องจากเกมพนันทุกเกมมีค่า House Edge ที่มาจากค่าสถิติ รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่การดูสถิติเราจะดูว่าแต่ละโต๊ะมีการออกรางวัลกันอย่างไร บางโต๊ะอาจออกโซนใกล้ ๆ กัน บางโต๊ะอาจออกสลับไปมา ผลการออกรางวัลเหล่านี้จะมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่ อุปกรณ์, แรงหมุน, จังหวะโยนลูก อันนี้ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยเล่น จะช่วงลดความเสี่ยงได้มาก
2. อ่านเค้าให้ออก อันนี้จะต่างจากเรื่องสถิติ ใครที่มีพื้นฐานบาคาร่ามาบ้างก็จะอ่านเค้าได้ไม่ยาก การอ่านเค้า รูเล็ต เราจะมองไปที่การเดิมพันที่มีอัตราแพ้ชนะครึ่งต่อครึ่งอย่างพวกเดิมพัน ดำ-แดง, คู่-คี่, สูง-ต่ำ เป็นต้น โดยเค้าส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น

• เค้าสลับ คือ จะออกรางวัลสับฝั่งกัน อาจจะเป็นตาหรือสองตาก็ได้ แต่มันจะมีความสม่ำเสมอกัน เช่น ดำ, แดง, ดำ, แดง หรือ คู่, คู่, คี่, คี่, คู่, คู่ เป็นต้น
• เค้ามังกร คือ การออกรางวัลแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ตา เช่น ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ, ดำ เป็นต้น
• เค้าตัวตัด คือ การออกรางวัลติดกันระยะหนึ่งแล้วสลับไปออกอีกฝั่งแค่ 1 ตา ก่อนจะกลับมาออกผลฝั่งเดิม เช่น ดำ, ดำ, ดำ, แดง, ดำ, ดำ, เป็นต้น

3. รู้จักวางแผนการเล่น เป็นสิ่งที่นักพนันทุกคนต้องมี ให้ดูก่อนว่าวันนี้มีเงินทุนไว้เล่น รูเล็ต กี่บาท แล้วมาตั้งเป้าว่าจะเอากำไรกี่บาท ขาดทุนได้กี่บาท และทำตามอย่างเคร่งครัด หากเป้าหมายไหนถึงก่อนให้เลิก หรือถ้าเล่นนานแล้วไม่ถึงสักทีก็ให้รีบเลิก เพราะยิ่งเล่นนานเรายังเสียเปรียบคาสิโนออนไลน์
4. ฝึกวางเดิมพันด้วยการเล่นฟรี เดี๋ยวนี้แทบทุกที่ต่างก็มีโหมดเดโมหรือเล่นฟรีให้เราได้ลองกันแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลกลับมาแต่สิ่งที่เราได้คือวิธีการเล่น ทำให้เข้าใจว่ามันเล่นกันยังไง วางเดิมพันแบบไหนถึงจะทำกำไรได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นที่ทดสอบสูตรรูเล็ตชั้นดีอีกด้วย
5. เลือกโต๊ะก่อนเล่นทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเปิดมาถูกใจดีลเลอร์คนไหนก็เข้าไปเล่นเลยอันนี้มันก็ไม่ใช่ เราเข้ามาเล่นรูเล็ตเพื่อทำกำไร ดังนั้นสิ่งที่ควรดูก่อนเลยคือโต๊ะเป็นแบบไหน มันจะมีแบบยุโรป กับอเมริกา ซึ่งแบบอเมริกาจะมีช่อง “00” เพิ่มมาด้วย และจากความน่าจะเป็นแล้วเรามีโอกาสที่จะชนะบนโต๊ะยุโรปมากกว่า เพราะหมายเลขมันน้อยกว่านั่นเอง
6. เข้าใจระดับความเสี่ยง ทุกเกมพนันมีความเสี่ยง รูเล็ต ก็เช่นกัน แต่เกมพนันชนิดนี้มีแค่เสี่ยงสูงกับเสี่ยงต่ำ วิธีดูก็ง่าย ๆ ยิ่งอัตราจ่ายสูงยิ่งมีโอกาสถูกน้อย มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียเดิมพัน แต่ถ้าเป็นที่อัตราจ่ายต่ำ ๆ จะทำกำไรได้เรื่อย ๆ เพราะมีความเสี่ยงน้อยอยู่ แต่ก็ต้องดูด้วยว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ อย่าลืมยิ่งเล่นนานยิ่งเข้าทางค่า House Edge
7. สูตรรูเล็ต อันนี้ถ้าไปเจอใครเอามาขายบอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเลย ส่วนใหญ่ก็จะเอามาทำให้ดูดีนิดหน่อย สุดท้ายก็ให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากพวกสูตรแจกฟรี ของแบบนี้อยู่ที่ฝีมือกับดวง
8. เล่นอย่างมีสติ หลายคนหัวร้อนเวลาเสีย ไม่ก็คึกเวลาได้ สุดท้ายไม่เหลือเงินเลยก็มีมาแล้ว ยิ่งคิดจะถอนทุนด้วยสูตรเดินเงินยิ่งเลยเถิดเพราะเล่นแบบไม่มีสติ ดังนั้นหากรู้สึกว่าอารมณ์ไม่นิ่งแล้วให้รีบหยุด ก่อนจะสุดที่ไม่เหลืออะไรเลย

เล่นกับคาสิโนที่น่าเชื่อถือ จาก 8 ข้อที่กล่าวมาอาจล้มเหลวทั้งหมดได้หากไปเล่นกับพวกเว็บปลอม หรือพวกที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นควรดูเจ้าที่ไม่มีประวัติโกง เล่นง่าย จ่ายจริง เสียเวลาหาข้อมูลสักนิดจะช่วยให้เล่นรูเล็ตได้เงินชัวร์